คนไทยออมเงินไม่เป็น
จากประสบการณ์ที่ผมได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรในงานสัมมนาต่างๆ
ผมชอบถามผู้เข้าร่วมสัมมนาโดยเฉพาะเมื่อหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องการออมเงินว่า
เมื่อคุณมีรายได้เข้ามา คุณทำอย่างไรกับเงินก้อนนั้น ร้อยละ 90 จะตอบว่าใช้ก่อน
มีเงินเหลือก็จะเก็บออม หรือบางท่านอาจจะตอบให้สวยหรูหน่อยว่า
พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่ผิดพลาด
ถ้าคิดจะออมเงิน วิธีที่ถูกต้อง ควรจัดการเงินออมออกมาก่อนอย่างน้อย 20
เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ยิ่งถ้ามีรายได้สูงสูงควรจะออมเงินด้วยสัดส่วนที่มากขึ้น อย่างเช่นตัวผมเอง ผมออมเงินประมาณ 90
เปอร์เซ็นต์ของรายได้
ปัจจุบันนี้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์เข้าถึงตัวเราได้แทบจะทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นมือถือ คอมพิวเตอร์
ทีวีหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ ป้าย Billboard โฆษณา โรงหนัง
ห้างสรรพสินค้า Supermarket รถโดยสารสาธารณะ
รถไฟฟ้า แม้กระทั่งในลิฟท์โดยสารก็ยังไม่เว้น ซึ่งโฆษณาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่พยายามจะดึงดูดเงินในกระเป๋าของเรา บางครั้งดูดเงินในกระเป๋าเราหมดแล้ว
ยังไปดูดเงินอนาคตของเรามาอีกด้วย
จากการใช้บัตรเครดิตแบบแบ่งจ่ายหรือสินเชื่อบุคคล เป็นต้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยก็มหาโหด
โดยอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์
นี่ยังไม่นับหนี้นอกระบบที่จ่ายกันถึงร้อยละ 3 ต่อเดือน
หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
วอร์เรน บัฟเฟตต์
นักลงทุนชื่อดังก้องโลก ยังสร้างผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ยประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเท่านั้น อย่าลืมนะครับว่า
เขาหารายได้จากเงินออมและเงินลงทุน
แต่ในขณะที่คุณกำลังใช้จ่ายโดยเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่านักลงทุนระดับโลกทำได้เสียอีก ผมจึงพูดเสมอว่า
"คนที่กำลังจะรวยคือคนที่ใช้จ่ายต่ำกว่าฐานะของตนเอง
ในขณะที่คนกำลังจะจนก็คือคนที่ใช้จ่ายเกินกว่าฐานะของตนเอง"
ผมได้อ่านผลวิจัยเชิงสำรวจของสถาบันวิจัยและบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(AU Poll)เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งการวิจัยเชิงสำรวจเรื่องการออมและการลงทุนของคนกรุงเทพ
โดยมีกรณีศึกษาเป็นตัวอย่างคนทำงานที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 55 ปี จำนวนทั้งสิ้น 1,210 ตัวอย่าง โดยเป็นเพศชาย 44.63%
และเพศหญิง 55.37% และมีระดับการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี 26.71% ระดับ
52.27% และสูงกว่าระดับปริญญาตรี 6.02%
พบว่า
คนกรุงเทพมีเงินออมโดยเฉลี่ยเพียง 3,373 บาทต่อเดือนเท่านั้น
โดยคนกรุงเทพที่มีเงินออมคิดเป็น 73.74 % ในขณะที่ผู้ที่ไม่มีเงินออมที่เป็น 26.26% สาเหตุที่ไม่มีเงินออมเพราะ
1.มีรายจ่ายเยอะทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ 63.26%
2.มีหนี้สิน 17.80%
3.รายได้ไม่แน่นอน 10.28%
4.เงินเดือนน้อย 8.71%
โดยจำนวนผู้ที่มีหนี้สินคิดเป็น 63.72% ขณะที่ผู้ที่ไม่มีหนี้สิน 36.28% เมื่อแยกประเภทของหนี้สิน จะพบว่าเป็นหนี้บ้าน 872,464
บาท หนี้บัตรเครดิต 323,544 บาท หนี้รถยนต์ 302,933
บาท หนี้เงินกู้ในระบบ 231,632 บาท
หนี้เงินกู้นอกระบบ 36,752 บาท หนี้อื่นๆ เช่นสหกรณ์ 38,286
บาท ทำให้คนกรุงเทพต้องขวนขวายหารายได้อื่น นอกเหนือจากรายได้ประจำ
จากตัวอย่างมีถึง 44.62% ที่มีรายได้อื่น
ที่นี้เรามาดูผู้ที่มีเงินออมว่า
เขาออมกันอย่างไร ปรากฏว่า 71.93% ออมประจำทุกเดือน ที่เหลือก็ออมนานๆครั้ง
และคนกรุงเทพ 78.25% เลือกที่จะออมเงินกับธนาคารมากกว่านำเงินไปลงทุน ส่วนที่เหลือ
21.75% ก็จะนำเงินออมไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
โดยลงทุนใน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 37.81% ทองคำ 30.30% พันธบัตร 15.27%
กองทุนรวม 11.82% หุ้น 6.9% อสังหาริมทรัพย์ 5.17% Forex 1.11% อื่นๆ
18.97%
เมื่อเห็นตัวเลขดังกล่าวแล้ว
น่าตกใจอย่างยิ่ง นี่ขนาดคนกรุงเทพแท้ๆ
มีเพียง 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่รู้จักการลงทุน
ระดับการศึกษาของคนกรุงเทพก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ
นี่ถ้าไปสำรวจคนต่างจังหวัดหรือคนในชนบท ตัวเลขยิ่งจะไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไปโทษคนกรุงเทพ คนต่างจังหวัด
หรือคนในชนบท ไม่ได้เสียทั้งหมด
คงต้องโทษที่ระบบการศึกษาของรัฐ ที่ไม่มีการวางแผนให้ดี
จริงๆแล้วเรื่องการออมเงิน
ควรบรรจุไว้เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมต้นหรือปวช.เสียด้วยซ้ำ เพราะบางคนอาจจะไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย
ปวส. หรือระดับมหาวิทยาลัย และเด็กมัธยมต้นยังเป็นเด็กที่หัวอ่อนอยู่
เปรียบเสมือนไม้อ่อนที่ดัดง่าย หรืออย่างน้อยก็ให้หนังสือเกี่ยวกับเรื่องการออมเงิน
เป็นหนังสือนอกเวลาเรียนก็ยังดี
ยิ่งสังคมไทยปัจจุบันเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยมีคนไทยที่อายุเกิน
60 ปีอยู่ประมาณ 15% แล้ว คาดว่าภายในปี 2565 จะมีคนไทยที่มีอายุเกิน 60
ปีมีอยู่ถึง 20% ถ้าระดับการออมเงินของคนในชาติยังต่ำอยู่เช่นนี้
และความรู้เกี่ยวกับเรื่องการออมเงินก็แทบจะไม่มี
มองไปข้างหน้าอนาคตของประเทศชาติดูแล้วน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ
19/6/61
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน”
3.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
คอนโดแอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire
Sathorn-Rajpruek ขายดาวน์ 4 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ 1 ก้าวจาก SKY WALK รถไฟฟ้าบางหว้า และรถไฟฟ้า MRT (เป็นสถานี INTERCHANGE)
ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ กย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIO ห้องหันไปทางทิศใต้
รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,050,000 บาท
LINE : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai
Aspire Sathorn-Rajpruek, 1 step
from BTS Bangwah & MRT, the best 4 units for sales.
Down Payment sales : Studio type, 26
sqm., the balcony facing south, only 2.05 million baht.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น