ลงทุนคอนโด ด้วยเงินเพียง 10 %
จากการที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกและในประเทศไทยต่ำเตี้ยติดดิน
ทำให้ผู้มีเงินออมหลายท่าน
ต้องพยายามหาช่องทางเพื่อสร้างผลตอบแทนจากเงินออมที่มีอยู่
หรือที่คนส่วนใหญ่ชอบพูดว่า "ให้เงินทำงาน" จะเห็นได้ว่าผู้มีเงินออมได้จัดสรรเงินบางส่วน
นอกเหนือจากฝากเงินไว้กับธนาคารนำมาลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อคอนโดเพื่อเก็งกำไรหรือเพื่อปล่อยเช่า
ส่วนบางท่านที่ไม่ค่อยกล้าเสี่ยงที่จะลงทุนด้วยตัวเอง หรืออาจจะมีความรู้ในการลงทุนไม่มากพอ
ก็จะซื้อกองทุนหุ้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนที่ลงทุนในสาธารณูปโภคต่างๆ
กองทุนทองคำ กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนี้มีให้เลือกอยู่มากมาย
ล้วนแล้วแต่บริหารโดย ผู้บริหารกองทุนมืออาชีพของบลจ.ต่างๆ
บทความนี้เราจะเน้นเรื่องการซื้อคอนโด
โดยปกติบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างคอนโดขาย
ส่วนมากจะเรียกเก็บเงินจองบวกเงินทำสัญญาและเงินผ่อนค่างวดรวมแล้วประมาณ 10 ถึง 20
เปอร์เซ็นต์ของราคาคอนโดที่ขาย ส่วนยอดเงินที่เหลือ 80 ถึง 90
เปอร์เซ็นต์ของราคาคอนโดจะจ่ายเมื่อตอนคอนโดสร้างเสร็จ
ถ้าเป็นคอนโดแนวราบ ซึ่งปกติจะมีความสูงประมาณ 8 ชั้น จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1
ปีเศษๆ ในขณะที่คอนโดแนวสูงอาจจะต้องใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 2 ถึง 4 ปี แล้วแต่ความสูงของคอนโดนั้นๆ เมื่อถึงเวลาโอนผู้ซื้อที่มีเงินสดไม่เพียงพอ
หรือมีเพียงพอ แต่อยากใช้สินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ในปัจจุบันนี้
มีการแข่งขันกันถึงขนาดว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก อยู่ที่ต่ำกว่า 3
เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินต่างๆ
ก็อยู่ในอัตราที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
และความสัมพันธ์ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับสถาบันการเงิน จากประสบการณ์ตรงของผม ถึงแม้ว่าจะเป็นสถาบันการเงินแห่งเดียวกัน
แต่ถ้ากู้ต่างโครงการกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน
อัตราดอกเบี้ยก็ไม่จำเป็นจะต้องเท่ากันเสมอ
อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยที่เสนอโดยสถาบันการเงิน
ผู้กู้สามารถที่จะต่อรองกับสาบานกันเงินได้บ้างเล็กน้อย
ยกตัวอย่างเช่น
ท่านจองซื้อคอนโดราคา 4 ล้านบาท(คอนโดนี้มีเงื่อนไขในการจองซื้อว่า
เป็นห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน) จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง
โดยมีเงื่อนไขการชำระเงินค่าจอง ทำสัญญาและเงินผ่อนค่างวด รวมกันแล้วเท่ากับ 10%
ของราคาคอนโด ซึ่งก็คือ 4 แสนบาท
ที่เหลือท่านก็ใช้สินเชื่อบ้านสถาบันการเงิน 3.60 ล้านบาท
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำหนด LTV (Loan
to value) ไว้ที่ 90 เปอร์เซ็นต์สำหรับการซื้อคอนโด
สมมุติว่าหลังจากโอนมาแล้ว
ท่านได้นำไปปล่อยเช่า โดยมีค่าเช่ารับเดือนละ 18,000
บาท ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 3 ปีแรกอยู่ที่
2.95 % ในขณะที่ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 30 ปี = 4.50% เงินผ่อนค่างวดของคอนโดแห่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 18,000
บาทเช่นกัน นั่นหมายความว่า ในแต่ละเดือนผู้เช่าคอนโดของท่าน
เป็นผู้ชำระเงินค่างวดที่จะต้องผ่อนให้กับทางสถาบันการเงินแทนท่าน
ถ้าท่านสามารถหาผู้เช่าให้มาเช่าคอนโดของท่านได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อครบ 30 ปีท่านก็จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คอนโดแห่งนี้อย่างสมบูรณ์
โดยที่ท่านชำระเงินเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาคอนโดเท่านั้น ในภาวะปัจจุบัน
ถ้าท่านจะกู้ซื้อบ้านด้วยวงเงิน 3.60 ล้านบาท ท่านจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 46,000 บาทต่อเดือน
สมมุติว่าถ้าท่านมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50,000
บาท แล้วท่านสามารถที่จะออมเงินได้เดือนละ
15,000 บาท หรือคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด
เมื่อครบ 1 ปีท่านก็จะมีเงินออมไม่ต่ำกว่า 200,000
บาท(รวมโบนัสแล้ว) นั่นหมายถึงว่า พอผ่านไป 2
ปีท่านก็จะมีเงินเพียงพอที่จะซื้อคอนโดห้องชุดใหม่ได้อีก 1 ห้อง
แล้วก็เข้าสู่กระบวนการเหมือนขั้นตอนที่ซื้อคอนโดยูนิตแรก ที่มีมูลค่า 4 ล้านบาท
หรือท่านอาจจะซื้อคอนโดชานเมืองที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าที่ราคาประมาณ 2 ล้านบาทได้ 1
ห้อง หลังจากออมเพียงแค่ปีเดียว
โดยปกติสถาบันการเงินการจะให้สินเชื่อบ้านแก่บุคคลทั่วไปไม่เกิน
3 ยูนิต นั่นก็คือท่านจะทำได้อีก 2 ครั้ง
เพื่อที่จะมีทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้แก่ท่านตาม Concept "ให้เงินทำงาน"
นั่นก็คือท่านเป็นว่าที่เจ้าของทรัพย์สินที่มีมูลค่าถึง 12 ล้านบาท
เมื่อท่านได้ชำระเงินกู้กับสถาบันการเงินเหล่านั้นหมดเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นท่านยังสามารถที่จะนำเงินออมไปโปะจ่ายค่างวด
เพื่อให้เงินกู้หมดเร็วขึ้น แล้วทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนสามารถปลดภาระจำนองบ้านได้
1 ยูนิต ก็สามารถที่จะซื้อซื้อคอนโดใหม่ได้อีก 1 ยูนิต
แล้วก็เริ่มขบวนการแบบนี้ใหม่อีกครั้งหนี่ง
จนในที่สุดท่านอาจจะเป็นเจ้าของคอนโดมากกว่า 10 ยูนิตก็เป็นได้นะครับ ส่วนวิธีการเลือกซื้อคอนโดเพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร
ผมเคยเขียนไว้แล้วสามารถอ่านได้ที่บล็อกของผม https://kitichai1.blogspot.com
20/6/61
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ
พย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIO
ห้องหันไปทางทิศใต้ รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,000,000 บาท
ปัจจุบันโครงการขายที่ราคาเริ่มต้น
2.99
ล้านบาทแล้วครับ
Review VDO @ https://youtu.be/Ry9tLa2NOt4
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/4bocn8qjdrhpfdk/AABGsSAcZwp4zZGj4SUPeXQEa?dl=0
Aspire Sathorn-Rajpruek, 1 step
from BTS Bangwah & MRT, the best 6 units for sales.
Down
Payment sales: Studio
type, 26 sqm., the balcony facing south, only 2 million
baht. Now, the developer's starting price is 2.49 million Baht. Ready to be
transferred in Nov.2018.
U can download photo & VDO from https://www.dropbox.com/sh/4bocn8qjdrhpfdk/AABGsSAcZwp4zZGj4SUPeXQEa?dl=0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น