Co-Working Space
และ Co-Living Space (ตอนจบ)
บทความตอนที่แล้วผมได้พูดถึงธุรกิจ
Co-Working Space ว่าเป็นอย่างไรและได้เกริ่นถึงธุรกิจ
Co-Living Space ซึ่งกำลังเริ่มที่จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ธุรกิจ Co-Living Space ได้ตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับชาวลอนดอนได้ค่อนข้างดี
เนื่องจาก ปัจจุบันนี้ความต้องการห้องพักอาศัยขาดแคลนเป็นอย่างมาก
ทำให้ลอนดอนเป็นเมืองที่จำนวนห้องพักที่ว่างมีอัตราที่ต่ำมาก
เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในโลกนี้
อาคารเก่าๆหลายอาคารได้ถูกดัดแปลงและปรับปรุงเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับ Co-Living Space ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวเมืองลอนดอน
อย่างที่ผมได้ทิ้งท้ายไว้ในบทความตอนที่แล้วว่า
นอกจากกลุ่ม Gen Y ที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจนี้แล้ว
ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เราแทบจะคาดกันไม่ถึงเลย ว่าจะให้ความสนใจที่จะมาใช้บริการของธุรกิจนี้
นั่นก็คือกลุ่มผู้สูงวัยหรือกลุ่ม Baby Boomer ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้หลายคนก็อยากจะอยู่ในสังคมของคนวัยเดียวกัน
เพราะพูดจาภาษาเดียวกัน และเข้าใจกันได้มากกว่า มีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน
และปกติที่พักแบบ Co-Living Space ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้ากลุ่มผู้สูงวัย
ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ
ในกรุงลอนดอนมีหลายโครงการแล้วที่เจาะลูกค้ากลุ่มนี้
ซึ่ง เมืองไทยก็เป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีคนไทยประมาณ
17 เปอร์เซ็นต์แล้วที่มีอายุเกิน 60 ปี และจำนวนผู้สูงวัยก็จะมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า เชื่อว่า Trend ที่อยู่อาศัยแบบนี้
น่าจะเป็นที่นิยมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าในเมืองไทย นอกจากนั้นยังมี Co-Living Space ที่เจาะกลุ่มสุภาพสตรีโดยเฉพาะ
ทำให้สุภาพสตรีที่อาศัยอยู่ในโครงการเหล่านั้นรู้สึกอุ่นใจ สบายใจ
และปลอดภัยมากขึ้น ในการที่จะอยู่อาศัยร่วมกันในที่อยู่อาศัยแบบนั้น
แนวคิดของการอยู่อาศัยแบบนี้ก็คือ
"Breaking down fences and allow people to start sharing amenities
in their living environment so that there is a quality of life but also a
social activation." ด้วยขนาดห้องพักที่ค่อนข้างเล็ก
ผู้ประกอบการจึงมักสามารถตั้งราคาค่าเช่าได้ถูกกว่าอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่าโดยทั่วไป
จึงทำให้เกิดความนิยมใช้บริการของธุรกิจนี้มากขึ้น ปัจจุบันโครงการที่เป็น Co-Living Space บางแห่ง มีลักษณะเป็นแบบการขายขาดบางส่วน
ร่วมกันกับการกันพื้นที่บางส่วนในโครงการเดียวกันไว้สำหรับให้เช่า
โดยส่วนใหญ่จะมีอัตราส่วน 2 ต่อ 1
จากรายงานของเจแอลแอลกล่าวว่า
ในเอเชีย ธุรกิจ Co-Living Space ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก
แต่กำลังเริ่มส่งสัญญาณการขยายตัว จีนนับเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจประเภทนี้เป็นประเทศแรกในเอเชีย
โดย 'ยูพลัส อินเตอร์เนชั่นแนล ยูธ คอมมูนิตี' เป็นหนึ่งในแบรนด์โคลิฟวิ่งสเปซรายแรกๆ
ที่เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจประเภทนี้ในจีนปี 2555 ตามมาด้วยผู้ประกอบการรายอื่นๆ
อีกหลายรายที่เกิดขึ้นในเมืองหลักๆ ของจีน
ส่วนฮ่องกงซึ่งเป็นเมืองที่มีราคาที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลก
มีโครงการที่พักอาศัยให้เช่าในคอนเซ็ปต์ของโคลิฟวิ่งสเปซเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วเช่นกัน
ส่วนสิงคโปร์กำลังอยู่ในช่วงทดสอบตลาด โดยบริษัทแอสคอทท์ได้เปิดแบรนด์ Co-Living Space ขึ้นในชื่อ 'LYF' ซึ่งจะบริหารในโครงการมิกส์ยูส 'ฟูนัน' ที่กำลังพัฒนาโครงการโดยแคปปิตอลแลนด์ ส่วนที่ญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย
แบรนด์โคลิฟวิ่งระดับอินเตอร์ 'โรม' ได้เปิดบริการในย่านอากาซากะของกรุงโตเกียว
และเมืองอูบุดบนเกาะบาหลี
สำหรับประเทศไทย
มีผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนไม่มากที่ให้บริการ Co-Living
Space ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น เชียงใหม่
ภูเก็ต และกระบี่ แต่ส่วนใหญ่เน้นจับตลาดชาวต่างชาติที่เป็น Digital Nomad หรือนักพเนจรแห่งยุคดิจิตอล
(ใช้เรียกกลุ่มคนที่ทำงานได้ทุกที่ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้สามารถทำงานและท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
ได้ในเวลาเดียวกัน) ส่วนใหญ่โครงการ Co-Living Space หลายแห่งจะมีการจัดพื้นที่ให้บริการ Co-Working
Space ภายในโครงการด้วยเช่นกัน
สำหรับคนไทย
Co-Living Space อาจยังไม่ใช่ที่ทางเลือกที่เป็นที่นิยม
เนื่องจากยังมีที่พักอาศัยประเภทอื่นให้เลือกในอัตราค่าเช่าที่ไม่แพงมากจนเกินไป และให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า
อย่างไรก็ดี เมืองใหญ่ดังเช่นกรุงเทพฯ ยังมีศักยภาพที่จะกลายเป็นตลาดของธุรกิจ Co-Living Space ได้ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ
มีขนาดเล็กลง จากราคาที่ดินในเมืองที่พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก และอัตราค่าเช่าแพงขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าให้สูงไล่ตามราคาต้นทุนของห้องพักอาศัยที่สูงขึ้น
ทำให้ต่อไปนี้ จะเป็นการยากขึ้นสำหรับกลุ่ม Gen Y ที่เพิ่งเริ่มทำงาน
หรือทำงานมายังไม่นาน จะมีกำลังซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยในใจกลางเมืองที่ใกล้ที่ทำงานได้
อีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้คนกลุ่มนี้สนใจที่จะใช้บริการของธุรกิจนี้คือ คนรุ่นใหม่เหล่านี้
เติบโตขึ้นในยุคเศรษฐกิจแบ่งปัน จึงคุ้นเคยกับนิยาม Sharing Economy เป็นอย่างดี
ถ้าธุรกิจนี้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
แน่นอนธุรกิจดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์
หรือคอนโดปล่อยเช่า ย่อมจะต้องสูญเสียลูกค้าบางส่วนของกลุ่มนี้ไปอย่างแน่นอน ทางแก้ง่ายๆก็คือ
จะต้องผันตัวเองไปทำธุรกิจแบบนี้แทนธุรกิจแบบเดิมๆที่เคยทำมา
กิติชัย เตชะงามเลิศ
22/6/61
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ณ
วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ขายดาวน์ยูนิตสุดสวย ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ซื้อมาในรอบ VVIP
เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 3 นาที จาก BTS
ชิดลม
ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะเสร็จภายใน กย. ปี 2561) : ห้อง ชั้น 8(ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ) พื้นที่ 44.37 ตรม.1
นอน 1 น้ำ หันไปทางทิศเหนือ ชั้นนี้
มีสวนลอยฟ้า สระว่ายน้ำ และฟิตเนส วิวดี พร้อมเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมครบชุด
ตกแต่งสวยมาก ราคา 10,600,000 บาท
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
ณ วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/8fp6fwrp4kiejzp/AABAbXTgEiPBXaYba4sV37Aaa?dl=0
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://thinkofliving.com/2016/02/24/navarang-press-navara/#QIelJ0rQfTXROa15.99
Navara Residence, 1B 1B, penthouse fl., fully furnished, 3 minutes walk from BTS
Chidlom, 44.37 sqm., only 10.80 million baht.
Down payment sales:
The unit is on 8th
fl.(penthouse fl.), 1B1B, fully
furnished, 44.37 sqm., balcony facing
north, only 10.60 million baht.
U can
download all of Navara Residence’s photo from https://www.dropbox.com/sh/8fp6fwrp4kiejzp/AABAbXTgEiPBXaYba4sV37Aaa?dl=0
Or https://photos.app.goo.gl/sjttmd69w2xDZUpf8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น