จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

มหาวิปโยคของไทย (ตอนที่ 3)



มหาวิปโยคของไทย (ตอนที่ 3)

            บทความที่แล้วผมจบไว้ที่ควรเปรียบเทียบสังคมไทยกับสิงคโปร์และญี่ปุ่น บทความนี้เรามาพูดกันที่เรื่องความจำเป็นที่สังคมไทยต้องปรับตัว เราต้องมีการปลูกฝังสำนึกแห่งการอยู่ร่วมกันที่สังคมไทยยังขาดสิ่งนี้อยู่  เราควรนำหลักสูตรศีลธรรมที่ถูกถอดออกไปจากระบบการเรียนการสอนในปัจจุบัน (ผมอยากรู้จริงๆว่า ผู้มีอำนาจท่านใดที่ถอนวิชาดังกล่าวออกไป) แล้วนำเรื่องสำนึกแห่งการอยู่ร่วมกันบรรจุเข้าไปในหลักสูตรดังกล่าว เพื่อให้เจเนอเรชั่นใหม่ของคนไทย จะโตด้วยจิตสำนึกดังกล่าว แล้วสังคมไทยก็จะอยู่ร่วมกันโดยสันติ  เวลาที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น บนรถไฟฟ้า หรือกระทั่งรถไฟ ผมไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นคุยกันหรือใช้โทรศัพท์คุยเลย เห็นมีแต่นั่งหรือยืนอ่านหนังสือพิมพ์ หรือใช้งาน NON-VOICE ของโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เพราะว่าคนญี่ปุ่นจะรู้สึกไม่สุภาพที่จะทำพฤติกรรมดังกล่าว แต่ปัจจุบันไม่รู้ว่าวัฒนธรรมไทยมีแรงผลักดันสูงหรือกระไร ผมเริ่มเห็นคนญี่ปุ่นที่อยู่เมืองไทยคุยกันบนรถไฟฟ้า BTS หลายๆคน อยู่เหมือนกัน หรือเข้าเมืองตาหลิ่วก็เลยหลิ่วตาตาม
            เมื่อ 4 ปีที่แล้ว คนไทยก็เจอภัยครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 50 ปี ในปี 2554 ซึ่งน้ำท่วมตั้งแต่ปลายปี 2554 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2555 ส่งผลกระทบต่อราษฎรไทยกว่า 12.80 ล้านคน สร้างความเสียหายสูงถึง 1.44ล้านล้านบาท ซึ่งถูกจัดเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว น้ำท่วมครั้งนั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 150 ล้านไร่ ใน 65 จังหวัด 684 อำเภอ มีผู้เสียชีวิต 813 ราย หายสาบสูญ 3 ราย อุตสาหกรรมหลายๆแห่งต้องหยุดการผลิต เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเสียหายมาก กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆที่รับออร์เดอร์ส่งออกไว้ ก็ไม่สามารถส่งออกของให้กับลูกค้าได้ ทำให้เสียเครดิตเสียชื่อเสียง ขาดความเชื่อถือจากลูกค้า ทำให้ลูกค้าหลายรายต้องหันไปสั่งสินค้าดังกล่าวจากประเทศที่ส่งออกที่เป็นคู่แข่งกับเราแทน นอกจากเสียออร์เดอร์ไป ยังทำให้บางรายถึงกับเสียลูกค้าไปเลยก็มี นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อที่รับประกันภัยโดยสัญญาควบรวมภัยจากน้ำท่วมด้วย ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเคลมกันแทบไม่ไหว บริษัทประกันภัยโชคดีหน่อยเพราะว่าส่วนใหญ่จะส่งต่อประกันดังกล่าว ให้กับบริษัทรับประกันภัยต่อ ตัวเองจึงมีภาระที่จะต้องจ่ายเคลมค่าความเสียหายไม่มาก กระนั้นทำให้บริษัทประกันภัยทุกบริษัทประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องกัน 1-2 ปี แต่บริษัทประกันภัยต่อของไทยที่มีเพียงบริษัทเดียวก็ประสบปัญหาดังกล่าวขนาดที่ว่า ถ้าไม่เพิ่มทุนให้บริษัทประกันภัยจากต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน ก็คงล้มละลายไปแล้ว ธุรกิจที่ทำมาหลายสิบปีแทบจะจบลงจากอุทกภัยครั้งเดียว ในช่วงนั้นราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทประกันภัยตกลงมามาก อย่างที่หลายๆคนชอบพูดกันว่า วิกฤติ คือโอกาสทำให้นักลงทุนใจกล้าที่ตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัทประกันภัยในช่วงนั้นได้รับผลตอบแทนที่งดงามในช่วงเวลาลงทุนเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น หลายๆตัวที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 100%เลยทีเดียว นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเป็นนักลงทุนที่เป็นชาวสวน(ตลาด) หรือที่เรียกกันว่า CONTRARIAN ถ้าคุณวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งทำการบ้านมาอย่างดี คุณจะพบว่าการขาดทุนจากภัยน้ำท่วมครั้งนั้นเป็นภัยร้ายครั้งเดียว และส่งผลกระทบต่อบริษัทประกันภัยไม่มากนัก เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ตกลงมาจนเกินความเป็นจริง กลับกลายเป็นว่า วิกฤตกลับเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัวให้กับนักลงทุนที่ทำการบ้านมาอย่างดี เห็นอย่างนี้แล้ว ท่านนักลงทุนทั้งหลายน่าจะกลับมาทำการบ้านให้มากขึ้น เลิกใช้วิธีลงทุนแบบประเภท เขาบอกว่า เดี๋ยวเจ้าจะเข้าหุ้นตัวนั้นตัวนี้กันเสียที  นักลงทุนบางท่านก็ลงทุนในกลุ่มกระเบื้องปูพื้น และยางมะตอย เพราะเก็งว่าจะต้องนำมาใช้ซ่อมแซมบ้านและถนนหนทาง โดยเฉพาะตัวหลังนี้ สร้างผลตอบแทนได้มหัศจรรย์จริงๆ ยิ่งถ้าถือยาวมาจนถึงปัจจุบัน ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 600% ภายในเวลาประมาณ 4 ปี เท่านั้น ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่คราวนั้น อีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้รัฐบาลในสมัยนั้นมีความคิดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ โดยออกมาตรการรถคันแรก ทำให้ยอดขายรถยนต์ปีนั้นสูงขึ้นมาอย่างมาก อุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็น SME ที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งที่เป็น TIER1 และ TIER2 รวมถึงสินค้าส่วนที่เป็นกลางน้ำ ปลายน้ำ ต่างก็ขยายกำลังการผลิต มีการสั่งเครื่องจักรใหม่ๆเข้ามาเพื่อรองรับออร์เดอร์จากผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายที่เร่งรีบผลิตกันอย่างเต็มที่ มีการทำงานเต็ม 3 กะเพื่อเร่งการผลิตให้สามารถส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าให้เร็วที่สุด กระนั้นก็ตามลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ยังต้องรอรถยนต์ที่สั่งจองไว้นาน 3-8 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ก็เริงร่าปรีดากับนโยบายนี้ของรัฐบาล รัฐบาลก็ได้หน้า แต่หารู้ไม่ว่า จะสร้างปัญหาอันใหญ่หลวงแก่อุตสาหกรรมรถยนต์ในเวลาต่อมา เนื้อที่หมดแล้ว อ่านต่อตอนต่อไปในบทความหน้ากันครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ
         11/09/58
อ่าน
มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่1) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/08/1.html

      มหาวิปโยคของชาติไทย (ตอนที่2) ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2015/09/2.html
 

ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B8หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน 
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที 
หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น