จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถิติ SET INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ ตอนจบ

สถิติ SET INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ ตอนจบ

สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้จัดอันดับสถิติการขึ้นมากที่สุดของ SET INDEX ซึ่งจัดได้ 4 ลำดับ ส่วนสัปดาห์นี้ผมจะจัดลำดับการลงมากที่สุด โดยสถิติการลงต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุด และสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดก็คือ ช่วงเดือนมกราคม 2537 ซึ่งในเดือนนั้น SET INDEX ได้สร้างจุดสูงสุดที่ 1,789.16 จุด แล้วก็ไหลลงมาราวกับน้ำตกไนแองการ่า โดยลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 204.59 จุดในเดือนกันยายน 2541 ลงไปทั้งสิ้น 1,584.57 จุด หรือ 88.60% ภายในเวลา 4 ปี 8 เดือน ซึ่งผมเองก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่เริ่มลงทุนในช่วงครึ่งหลังของวิกฤตครั้งใหญ่นี้ จำได้คร่าวๆว่าช่วงที่เข้าลงทุนนั้น SET INDEX อยู่แถว 1,200-1,300 จุด ผมเห็นว่า SET INDEX ก็ได้ลงมาประมาณ 500 จุด หรือ ประมาณ 30กว่า% แล้ว คงจะลงไปอีกไม่มากแล้ว หุ้นหลายตัวลงมามากกว่า 40% เสียด้วยซ้ำ จากการเป็นนักลงทุนที่อ่อนประสบการณ์ในสมัยนั้น ทำให้การเริ่มต้นลงทุนของผมครั้งนั้นได้สร้างบาดแผลไว้เป็นที่ระลึกมากมาย ทำให้พบสัจธรรมว่า “ถูกแล้วยังมีถูกกว่าอีก” เงินออมที่เก็บมาจากการทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 12 ปี บางส่วนก็มลายหายไปกับการลงทุนช่วงนั้น แต่ผมก็ยังโชคดีกว่านักลงทุนหลายๆท่านที่ยังลงทุนต่อเนื่อง แล้วในที่สุดก็สามารถสร้างผลกำไรกลับคืนมาได้เป็นกอบเป็นกำ เข้าทำนอง “เงินไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็กลับมา” แต่อันที่จริงก็ใช้เวลาอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว ที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อเรียกคืนส่วนที่ขาดทุนกลับมา เมื่อคิดย้อนกลับไป ถ้ามองในแง่ดีก็คิดเสียว่าเป็นการได้บทเรียนจากการลงทุนจากประสบการณ์โดยตรง เสมือนเป็นวัคซีนสร้างความแข็งแกร่งให้กับผมในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ครั้งต่อๆไป ที่ผมเชื่อว่าคงจะมีอีกเป็นระยะๆ เพียงแต่ว่าดีกรีความรุนแรงจะมากหรือน้อยกว่าเท่านั้น
            ถ้าเรามาจัดลำดับสถิติการลดลงของ SET INDEX ในช่วงระหว่างปีที่มากที่สุด จะจัดได้เป็น 3 ลำดับคือ
1)    ช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 SET INDEX ในขณะนั้นอยู่ที่ 886.57 จุด หลังจากนั้นได้ไหลลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 380.05 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2551 ลงไปถึง 506.52 จุดหรือ 57.13% ภายในเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งช่วงนั้น วิกฤตนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเราเรียกวิกฤตนี้ว่า HAMBURGER CRISIS จากการลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรง ได้ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นไทยก็เลยโดนหางเลขเข้าไปเต็มๆ ทำให้นักลงทุนเงินหายไปเกินกว่าครึ่งเลยทีเดียว
2)    ช่วงเดือนกรกฎาคม 2533 SET INDEX อยู่ที่ 1,143.78 จุด ในขณะนั้นได้ไหลลงไปถึง 536.74 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2533 ลงไป 607.04 หรือ 53.07% ภายในเวลา 4 เดือน จากการเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียโดยสหรัฐฯรบกับอิรัก
3)    ช่วงเดือนตุลาคม 2530 SET INDEX ในเดือนนี้ทำจุดสูงสุดที่ 472.86 แล้วไหลลงอย่างรวดเร็วไปที่ 243.97 จุด และยังคงลงต่อเนื่องไปถึงเดือนธันวาคม 2530 โดยลงไปถึง 228.89 จุด คิดเป็น 48.41% ภายในเวลา 2 เดือน เราเรียกวิกฤตนี้ว่า BLACK MONDAY ซึ่งเริ่มต้นจากตลาดหุ้นสหรัฐฯตกลงติดต่อกันหลายวัน จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ขึ้นมาถึง 44% ในปีนั้น มีการเทขายทำกำไรกันต่อเนื่องจนส่งแรงเหวี่ยงไปที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงตกระเนระนาด พลอยทำให้ตลาดหุ้นไทยตกลงอย่างรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ โดยในเดือนตุลาคม 2530 ตลาดหุ้นฮ่องกงลงไปถึง 45.50% ตลาดหุ้นลอนดอนลงไป 26.45% ตลาดหุ้นสหรัฐลงไป 22.68% ส่วนตลาดหุ้นไทยลงไปประมาณ 30% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2530 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนั้นมี CEILING / FLOOR ที่ 10ทุกวันหุ้นเกือบทุกตัวมีแต่ OFFER ไม่มี BID พอตัวไหนไม่มีการซื้อขาย ราคาก็จะคงที่ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูเหมือนว่าลงไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฮ่องกง
ส่วนสถิติการลงแรงสุดภายใน 1 วันนับจากจุดปิดวันเกิดกับจุดต่ำสุดของวันถัดไป มี 3 ลำดับคือ
1)    วันที่ 19 ธันวาคม 2549 SET INDEX ตกจาก 730.55 จุด ไปทำจุดต่ำสุดที่ 587.92 จุด ลงไป 142.63 จุด คิดเป็น 19.52% จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศหยุดการซื้อขายครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ SET INDEX ตกลงไป 10% ตามกฏของ CURCUIT BREAKER  นับเป็นการใช้ CURCUIT BREAKER เป็นครั้งแรก ก่อนขึ้นมาปิดที่ 622.14 จุด สาเหตุเกิดจากการประกาศทำ CAPITAL CONTROL โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สร้างความตื่นตรกใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ จึงมีแรงเทขายอย่างรุนแรง รวมทั้งการขายตัดขาดทุนจากนักลงทุนไทยบางกลุ่มและการถูก FORCE SELL ในบัญชี MARGIN ผสมโรงเข้าไปด้วย
2)    วันที่ 12 กันยายน 2544 SET INDEX ลงจาก 330.37 จุดไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 298.04 จุด ลงไป 32.33 จุด คิดเป็น 9.79% สาเหตุเกิดจากเหตุการณ์ 911 เครื่องบินถล่มตึก WORLD TRADE CENTER ที่สหรัฐฯ โดยฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย AL-QAEDA
3)    วันที่ 15 ธันวาคม 2557 SET INDEX ลงจาก 1,514.95 จุดไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1,375.99 จุด ลงไปถึง 138.46 จุดหรือ 9.17% (ถ้าลงไปอีกหน่อยจนถึง 10% ก็จะเห็นตลาดหลักทรัพย์งัดมาตรการ CURCUIT BREAKER มาใช้เป็นครั้งที่ 2) แล้วขึ้นมาปิดที่ 1,478.49 จุด สาเหตุเกิดจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ คำสั่งขายจาก TRADING PROGRAM การถูก FORCE SELL ของลูกค้าบัญชี MARGIN และข่าวลืออัปมงคล

 

    กิติชัย เตชะงามเลิศ
           04/02/58

        ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
 Linkedin : https://www.linkedin.com/in/homeproperty
 Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/
 หรือหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ และนิตยสารคนรวยหุัน, Condo Guide, Glow, และ Me(Market Evolution) ทุกเดือน  ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่ http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น