จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถึงเวลาซื้อหุ้นประกันชีวิตกันแล้ว?

                                                                            ถึงเวลาซื้อหุ้นประกันชีวิตกันแล้ว?


           ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณ  10 ปีที่แล้ว ที่ผมเริ่มสนใจธุรกิจประกันชีวิตจากการอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่ง  ซึ่งได้สัมภาษณ์นายกสมาคมประกันชีวิตว่า ในช่วงเวลานั้นมีคนไทยเพียง 17% ที่ทำประกันชีวิต ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยจนน่าตกใจมาก ความที่ผมเป็นคนซอกแซกก็เลยไป GOOGLE ดูว่า แล้วคนชาติอื่นในเอเชียเขาทำประกันชีวิตกันคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากร โดยเริ่มจากประเทศญี่ปุ่นก่อน ในฐานะเป็นประเทศที่ผมชอบมากประเทศหนึ่ง ก็พบว่าคนญี่ปุ่นทำประกันชีวิตกันมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่ามีหลายคนที่ทำประกันชีวิตมากกว่า 1 กรมธรรม์ ทำให้ผมเห็นโอกาสของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย  น่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อย้อนกลับไปดูการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตในประเทศไทยจัดเก็บเป็นตัวเลข 2 หลักมาตลอด ในระยะ 5 ปีย้อนหลัง ซ้ำยังมีการเติบโตเป็น 3 ถึง 5 เท่าของ GDP ของประเทศ นับว่าเป็นธุรกิจที่ OUTPERFORM  เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แล้วรัฐเองก็เห็นประโยชน์ของการทำประกันชีวิต จะเห็นได้ว่า มีการออกมาตรการส่งเสริมธุรกิจประกันชีวิตมาโดยตลอด โดยให้ผู้ซื้อประกันชีวิตสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระแก่บริษัทประกันชีวิตที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย  เพิ่มขึ้นมาตลอด  โดยปัจจุบันผู้ซื้อประกันชีวิตสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ปีละ 100,000 บาท(แต่เดิมเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ปรับเพิ่มเป็น 50,000 บาท แล้วมาเพิ่มเป็น 100,000 บาทต่อปีในภายหลัง) และถ้าซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกปีละ 200,000บาท  ต้องเป็น 300,000 บาท (แต่ยังไม่อนุญาตให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนได้) นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมค้นพบหุ้นพลิกชีวิตของผม SCBLIF หรือ SCNYL(ชื่อในสมัยนั้น) ที่สร้างผลตอบแทนให้ผมถึง 1,800% ภายในเวลา 7-8 ปี โดยธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ได้ทำการนำ SCBLIF ออกจากตลาดไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว

           ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 2559 มีเบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งสิ้น 568,260.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตถึงร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จำนวน 161,568.8 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป 406,691.6 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตร้อยละ 84 เบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จะประกอบด้วย (1) เบี้ยประกันชีวิตปีแรก มีจำนวน 110,196.0 ล้านบาท (2) เบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียว จำนวน 51,372.8 ล้านบาท(ข้อมูล : คปภ)

        ล่าสุดมีข่าวว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์  ได้ให้นโยบายแก่กรมสรรพากรเพื่อพิจารณาเรื่องการให้ประชาชนประกันสุขภาพ และสามารถนำค่าเบี้ยประกันดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยยังไม่กำหนดตัวเลขที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 15,000 บาทต่อปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระค่ารักษาพยาบาลของบัตรทอง  และประกันสังคมให้ลดลง ยิ่งปัจจุบันสังคมไทยเข้าสู่ AGING SOCIETY  ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าในขณะนี้มีคนไทยมากกว่า 13% ที่มีอายุเกิน 60 ปี ซึ่งจะส่งผลให้สามารถประหยัดงบประมาณของประเทศได้มากขึ้น  โดยทางกรมสรรพากรก็เห็นด้วยกับหลักการ เพราะว่าเป็นมาตรการที่จะยังประโยชน์ให้กับหลายฝ่าย ทั้งผู้ทำประกัน บริษัทประกัน และรัฐบาล ตัวเลขล่าสุดเมื่อปี 2559 จำนวนเปอร์เซ็นต์ของคนไทยที่ทำประกันชีวิต = 38 %(สมมุติว่าในตัวเลขนี้คนไทยทำประกันชีวิตคนละ 1  กรมธรรม์) จากจำนวนประชากรทั้งหมด 66 ล้านคน(ข้อมูล : สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล) นั่นหมายความว่า มีคนไทยที่ทำประกันชีวิตประมาณ 25.10 ล้านคน ถ้าคนไทยจำนวนนี้ ซื้อเบี้ยประกันสุขภาพเพื่อหวังลดหย่อนภาษีสัก 20 %(ไม่นับคนที่ซื้อประกันสุขภาพก่อนหน้านี้แล้ว) เท่ากับว่าจะมีคนไทยประมาณ 5.02 ล้านคนที่จะซื้อประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น  แล้วสมมติต่อไปอีกว่า คนจำนวนนี้จะซื้อประกันสุขภาพเฉลี่ยคนละ 25,000 บาท(ถึงแม้ว่าถ้าประกาศออกมาแล้วว่า สามารถนำมาลดหย่อนได้เพียง 15,000 บาทก็ตาม  แต่เชื่อว่าบริษัทประกันทั้งหลาย คงจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประกันสุขภาพ ให้เห็นถึงประโยชน์ในการทำประกันสุขภาพ ถ้าจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพด้วยจำนวนเงินที่มากขึ้น จะได้รับการชดเชย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพักผู้ป่วย ค่าห้องผ่าตัด ฯลฯ  ในอัตราที่สูงขึ้น ยิ่งปัจจุบันนี้ค่าใช้จ่ายทางด้านการรักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลเอกชนสูงขึ้นมาก คงจะมีผู้ซื้อประกันสุขภาพหลายคน ยอมจ่ายเงินที่สูงกว่าจำนวนเงินที่สามารถจะนำมาลดหย่อนภาษีได้)

         นั่นหมายความว่าตัวเลขเบี้ยประกันสุขภาพ ที่บริษัทประกันจะได้รับ = 5,020,000 คน x 25,000 บาท = 125,500 ล้านบาท ในปี 2560 ถ้ามาตรการลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพคลอดออกมาทันภายในปีนี้ และให้มีผลสำหรับปีภาษี 2560 ทีนี้เรามาดูตัวเลขเบี้ยประกันชีวิตของปี 2559 จะพบว่ามีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 568,260.4 ล้านบาท ดังนั้นเบี้ยประกันสุขภาพ ที่บริษัทประกันจะขายได้ในปีนี้ คิดเป็น 125,500/568,260 = 22.08%  ของเบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งหมดปี 2559 จะทำให้ปีนี้ ธุรกิจประกันชีวิต OUTPERFORM ธุรกิจอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นเลย ยิ่งช่วงนี้ราคาหุ้นบริษัทประกันชีวิต ลงมาจากจุดสูงสุด 40-55% เมื่อเห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว นักลงทุนสมองไว จะต้องทำอย่างไรกันดีครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ
     9/8/60

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
 Twitter : http://twitter.com/value_talk
 Instagram : Gid_Kitichai
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
 You Tube : http://www.youtube.com/user/wittayu9
 Google+ : https://www.google.com/+KitichaiTaechangamlert
  Pinterest : http://www.pinterest.com/kitichai/

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.นิตยสาร Be Link ทุกเดือน 
              4.นิตยสาร GQ เดือนเว้นเดือน
              5.นิตยสาร Me(Market Evolution) วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

หาอสังหาทั้งถูกและดีเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน ได้ที่  http://www.pantipmarket.com/mall/homeproperty


ขายดาวน์คอนโด ไฮด์ สุขุมวิท 11(Hyde Sukhumvit 11) 3 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ เดิน 5 นาทีจากสถานี BTSนานา
       Hyde Sukhumvit 11 : ไฮด์ สุขุมวิท 11 คลองเตยเหนือ วัฒนา เนื้อที่ทั้งหมด: 2-1-58 ไร่ ประมาณ 478 ยูนิต ที่จอดรถ 276คัน คอนโด High Rise 2 อาคารA 39 ชั้น, B 9 ชั้น  พื้นที่โครงการ: 3,918 ตรม.แล้วเสร็จ 04/2561 เป็นคอนโดมิเนียมสูง39 ชั้น บนที่ดินขนาด 2-1-58 ไร่ งานออกแบบอาคารทางโครงการเลือกใช้สถาปนิก A49 ซึ่งเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงแนวหน้าของไทยมาออกแบบในสไตล์ Modern Luxury สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการถือว่าจัดเต็มตามลักษณะคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ทั้งพื้นที่ล็อบบี้เพดานสูงโปร่งเลือกใช้ผนังกระจกสูงเต็มบานเพื่อให้พื้นที่ภายในอาคารได้รู้สึกถึงพื้นที่สวน lanscape ที่โอบล้อม พื้นที่สวนพักผ่อนพร้อมกำแพงน้ำตกสร้างความสดชื่นเป็นธรรมชาติ ห้องอนกประสงค์ ห้อง Theater ห้อง Golf Simulator Game room และห้องสมุดภายในโครงการ เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่เพื่อพักผ่อนภายในโครงการของเจ้าของห้อง ภายในโครงการจะประกอบด้วยอาคารพักอาศัย อาคาร โดยอาคาร เป็นอาคารพักอาศัยหลัก ส่วนอาคาร เป็นพื้นที่พักอาศัยและที่จอดรถอัตโนมัติ ลักษณะการออกแบบแปลนโครงการจะวางอาคาร ไว้ส่วนหน้าติดกับถนนสุขุมวิท 11 จากนั้นจะคั่นด้วยพื้นที่สวนส่วนกลางถัดไปจะเป็นตัวอาคารหลัก สำหรับการออกแบบแปลนลักษณะนี้จะทำให้สวนส่วนกลางอาคารพักอาศัยที่โอบล้อมทำให้พื้นที่สวนเป็นส่วนตัวดูน่าพักอาศัย ได้ร่มเงาจากตัวอาคารช่วยบังแดด




·        Fitness
·        Sky Garden
·        Digital Door Lock
·        Golf Simulator Room
·        Automatic Parking
·        Key Card Access
·        24 hours Security Guards
·        Sinking fund = 600/sqm., Common fee = 60 baht/sqm.
·        No contract transfer fee.
ห้องที่จะขาย:
1).0302 TYPE 1B อาคาร ชั้น พื้นที่ 34.50 ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 5,600,000 บาท
2).0402 TYPE 1B อาคาร A ชั้น พื้นที่ 34.50 ตรม. 1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศใต้ ลมเย็นตลอดปี ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 6,000,000 บาท
3).0911 TYPE 2B อาคาร A ชั้น พื้นที่ 58.00 ตรม. ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เป็นห้องมุม เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก หันไปทางทิศตะวันออก ไม่ใกล้ลิฟต์ ไม่ใกล้ห้องขยะ วิวสวย ไม่โดนบล็อกวิว ราคา 10,000,000บาท
       
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น