2
บทความที่แล้วผมที่กล่าวถึงผลตอบแทนที่ได้จากการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับการฝากเงินธนาคาร โดยเน้นกล่าวถึงการลงทุนในตราสารหนี้
ตราสารทุนและอสังหาริมทรัพย์
โดยได้แนะนำหลักการลงทุนในตราสารหนี้ไปในบทความตอนที่ 2
ไปแล้วในบทความนี้จะมาพูดถึงหลักการลงทุนในตราสารทุนกันครับ
ตราสารทุน เป็นตราสารที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของกิจการ โดยผู้ถือตราสารทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล
เมื่อกิจการประกาศจ่ายเงินปันผล
ซึ่งตราสารทุนมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยิ่งปัจจุบันนี้เป็นโลกไร้พรมแดน
ทำให้นักลงทุนทั่วโลกสามารถที่จะไปลงทุนในประเทศต่างๆได้ง่ายดายมากขึ้น สำหรับนักลงทุนไทยเอง
ปัจจุบันนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย
ก็อนุญาตให้สามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ในปริมาณเงินที่กำหนดไว้ ทำให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นและเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้อีกทางหนึ่ง
เปรียบเสมือนกับว่าไม่ได้เอาไข่มาใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพียงแต่ว่าการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ
ก็จะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างเช่น นักลงทุนไทยหลายรายที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นประเทศเวียดนาม
บางครั้งถึงแม้ว่าจะได้กำไรจากราคาตราสารทุนที่ถือไว้ที่มีราคาสูงขึ้น
แต่พอแลกเงินด่องเวียดนามเป็นเงินบาท กลับขาดทุนก็เห็นอยู่เรื่อยๆ นอกจากนั้นการเข้าใจวัฒนธรรมและนิสัยใจคอของคนในชาติต่างๆที่เข้าไปลงทุน
ก็อาจจะไม่ลึกซึ้งเท่ากับที่นักลงทุนไทยเข้าใจคนไทยด้วยกัน โอกาสที่จะวิเคราะห์และตัดสินใจผิดพลาดก็มีอยู่สูงมากกว่า
ทั้งยังข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจ ก็น่าจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนภายในประเทศ
หลักในการลงทุนในตราสารทุนจะมีความซับซ้อนในการวิเคราะห์มากกว่าตราสารหนี้
โดยหลักๆจะแบ่งการวิเคราะห์เป็นแบบ
1. ตามปัจจัยพื้นฐาน(FUNDAMENTAL ANALYSIS)
ซึ่งยังแบ่งเป็นการวิเคราะห์แบบ
1.1 Top Down คือการมองจากบนลงล่าง เป็นการวิเคราะห์จาก MACRO หรือภาพรวมของเศรษฐกิจก่อน โดยจะเริ่มจากเศรษฐกิจโลกเลยยิ่งดี ว่าช่วงนั้นภาวะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของไทยอย่างไร ในแต่ละอุตสาหกรรม นอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของไทย ซึ่งเมื่อเลือกอุตสาหกรรมที่ท่านคิดว่าน่าสนใจ มาสัก 3-5 อุตสาหกรรมเป็นอย่างน้อย หลักจากนั้นท่านก็ลองมาดูรายชื่อบริษัทต่างๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมดังกล่าว แล้วก็เลือกออกมาสัก 2-3 บริษัทโดยเลือกผู้นำของอุตสาหกรรมนั้น แล้วเลือกเบอร์ 2 และ เบอร์ 3 ของธุรกิจนั้น หลังจากนั้นก็เริ่มขบวนการคัดเลือกให้เหลือเพียง 1 บริษัท ที่ราคาตลาดมีส่วนลดจากราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากที่สุด
ขบวนการนี้ เริ่มโดยนำรายงาน 56-1 และรายงานประจำปี มาอ่าน ของทั้ง 3
บริษัท ดูเหมือนต้องอ่านมากหน่อย
ถ้าอยากจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องทำได้ การที่อ่านรายงานของทั้ง 3 บริษัท
นอกจากจะทำให้เข้าใจบริษัทที่ท่านอ่านมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น
สินค้าหรือบริการของทางบริษัท ภาวะการณ์ของธุรกิจช่วงที่ผ่านมาและในอนาคตอันใกล้
ปัจจัยต่างๆที่สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัท
ปัญหาความขัดแย้งทางกฎหมายกับบุคคลภายนอก ซึ่งบางครั้งมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อผลประกอบการของบริษัทในอนาคต
อย่างเช่นปัญหาขัดแย้งของ BANPU กับบริษัทศิวะงานทวี
จำกัด เรื่อง โรงไฟฟ้าหงสา ที่อาจจะทำให้ BANPU ต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลกรณีที่แพ้คดี
เป็นต้น และหลายๆครั้งจะพบว่ารายงานดังกล่าวที่ต้องอ่าน
มีหลายบริษัทจะเขียนในแง่มุมของผู้บริหารของบริษัทนั้นๆ อาจจะมีการ BIAS ได้ แต่ถ้าอ่านรายงานของทั้ง 3 บริษัท
จะทำให้ท่านสามารถเห็นภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมเลยทีเดียว
ทำให้มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นๆได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้การวิเคราะห์คาดการณ์ต่อไปมีความแม่นยำมากขึ้น ยิ่งถ้าบังเอิญเป็นงานที่นักลงทุนทำอยู่
หรือมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้อยู่แล้ว ก็จะได้เปรียบนักลงทุนรายอื่น
หลังจากนั้นผมก็จะเอางบการเงินย้อนหลังสัก 3 ปี เป็นอย่างน้อย
จะทำให้ท่านเห็นแนวโน้มของรายการต่างๆในงบการเงิน ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ต้นทุนขาย
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ส่วนดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากการกู้เงินไม่ว่าจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงิน
ซึ่งอาจจะมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวหรือคงที่ หรือการออกตราสารหนี้
ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้ที่อาจจะออกมาหลายๆงวด
ระยะเวลาของหุ้นกู้แต่ละรุ่นอาจจะยาวไม่เท่ากันรวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เท่ากัน
หรืออาจจะเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทนี้
มีทางเลือกมากขึ้นจากการที่จะได้รับเพียงดอกเบี้ย
เรายังมีสิทธิ์ที่จะแปลงสภาพหุ้นกู้เหล่านี้เป็นหุ้นสามัญ
เมื่อราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทนี้มีราคาสูงกว่าราคาตลาดพอสมควร อย่างไรก็ตาม
บริษัทที่ออกหุ้นกู้ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะกำหนดบังคับให้ผู้ถือหุ้นกู้ประเภทนี้แปลงสภาพ
เมื่อราคาตลาดสูงกว่าราคาแปลงสภาพระดับหนึ่ง
ซึ่งถ้าท่านไม่สามารถหาได้จากรายงานดังกล่าว ก็อาจจะสอบถามจากแผนก INVESTOR
RELATION ของบริษัทนั้นๆ รวมทั้งการเข้าร่วมงาน OPP
DAY เมื่อบริษัทดังกล่าวเข้าร่วม
รวมทั้งติดตามบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารจากสื่อต่างๆ และอ่านบทวิเคราะห์ของบริษัทเหล่านี้จากโบรคเกอร์ต่างๆใน www.settrade.com เพราะว่าโดยปกตินักวิเคราะห์ของโบรคเกอร์ต่างๆมีโอกาสได้เข้าพบพูดคุยกับผู้บริหารมากกว่านักลงทุนรายย่อย
แต่การอ่านบทวิเคราะห์ ท่านต้องสกรีนเอาข้อมูลที่เป็น FACT แต่ส่วนที่เป็นความเห็น ท่านควรจะพินิจพิเคราะห์ให้มากสักหน่อย นอกจากนั้นยังควรติดตามภาวะอุตสาหกรรมที่สนใจ
จากคำสัมภาษณ์ของนายกสมาคมของอุตสาหกรรมนั้นๆ
21/1/62
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ณ วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ขายดาวน์ยูนิตสุดสวย ชั้นเพนท์เฮ้าส์ พร้อมเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมครบชุด
ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 3 นาที จาก BTS
ชิดลม
ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะเสร็จภายใน กย. ปี 2561) : ห้อง ชั้น 8(ชั้นเพนท์เฮ้าส์ ) พื้นที่ 44.37 ตรม.1
นอน 1 น้ำ หันไปทางทิศเหนือ ชั้นนี้
มีสวนลอยฟ้า สระว่ายน้ำ และฟิตเนส วิวดี พร้อมเฟอร์นิเจอร์พรีเมียมครบชุด
ตกแต่งสวยมาก ราคา 10,600,000 บาท
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
ณ วรา เรสซิเดนท์ หลังสวน ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/8fp6fwrp4kiejzp/AABAbXTgEiPBXaYba4sV37Aaa?dl=0
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://thinkofliving.com/2016/02/24/navarang-press-navara/#QIelJ0rQfTXROa15.99
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น