จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

ลงทุนอะไรดีในช่วงดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5 เปอร์เซ็นต์ (ตอนที่ 5)

ลงทุนอะไรดีในช่วงดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5 เปอร์เซ็นต์ (ตอนที่ 5)  




             บทความที่แล้วผมจบลงที่ตัวอย่าง หุ้นที่อยู่ในธุรกิจวัฏจักรตัวหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนที่สุดมหัศจรรย์ และในทางกลับกัน ก็ให้อารมณ์ประเภทนรกมีจริง ดังนั้นการประเมินราคาที่เหมาะสมหุ้นกลุ่มวัฏจักรเป็นอะไรที่ประเมินยากมาก ถ้าคิดจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ TIMING ที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเวลาที่ธุรกิจนี้อยู่ในช่วง DOWN CYCLE มานานแล้ว และเริ่มมีสัญญาณว่าเริ่มฟื้นตัวแล้ว ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด ซื้อราคาไหนก็ได้ไม่แพง เพราะว่าเวลาขึ้นอย่างที่เห็นจากตัวอย่างหุ้น STA ซึ่งขึ้นได้รอบหนึ่งเป็นพันๆเปอร์เซนต์เลยทีเดียว แต่ปัญหาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสัญญาณฟื้นตัวที่แท้จริง เพราะว่าถึงแม้จะเป็นช่วงขาลงก็ตาม แต่ก็มีช่วง REBOUND ของราคาของผลิตภัณฑ์เป็นช่วงๆ ซึ่งก็พลอยทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องมีการ REBOUND ตามไปด้วยเช่นกัน บางครั้งทำให้นักลงทุนหลายคนเข้าใจผิดว่า จบช่วงขาลงแล้ว ทำให้ต้องติดหุ้นไปในที่สุด ผมจึงแนะนำว่า ถ้าเลี่ยงได้ ก็เลี่ยงเถอะ สำหรับหุ้น TURNAROUND ผมเองก็เคยเจ็บตัวและเข็ดเขี้ยวกับหุ้นกลุ่มนี้มาพอสมควร
          

เครดิตภาพ : ValueWalk

              กลับมากันที่ P/อันที่จริงตัว E ที่ท่านควรจะใช้ ควรจะเป็น ตัว E ในอนาคต โดยการประเมินกำไรที่จะเกิดขึ้นใน 3 ปีข้างหน้าและ G ควรจะมีการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 20% ตัดปัญหาคำถามที่ควรจะให้ค่า P/หุ้นแต่ละตัวที่เท่าใดก็หมดไป ส่วนท่านที่ชอบให้ HISTORICAL P/(P/E ในอดีต) โดยเอาค่าเฉลี่ยในอดีตมาใช้ แล้วอาจจะบวกหรือลบ 1 หรือ 2 STANDARD  DEVIATION พูดไปพูดมารู้สึกว่า อาจจะทำให้ท่านผู้อ่านงงมากขึ้น แทนที่จะเข้าใจมากขึ้น ขออนุญาตตัดบทเลยว่า เอาค่า PEG หรือPE/G ที่ต่ำกว่า หรือเท่ากับ 1 เท่า นี่แหละครับดีที่สุด



            ทั้งหมดที่กล่าวมาคือการใช้วิธี TOP DOWN ในการวิเคราะห์หาหุ้นที่น่าสนใจที่จะลงทุนที่ผมใช้อยู่ ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ วิธี BOTTOM UP ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงข้ามกับ แบบ TOP DOWN โดย TOP DOWN จะเป็นการมองจากข้างบนลงล่าง คือจะมองแบบ MACRO ก่อนโดยดูภาพเศรษฐกิจโลกว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร และอุตสาหกรรมใดที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจเช่นนั้น แล้วค่อยมาดูรายบริษัทที่น่าสนใจที่อยู่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ นั่นคือมาเจาะ MICRO ทีหลัง ในขณะที่ BOTTOM UP นั้น โดยปกติผมจะมีหุ้นที่ผมติดตามอยู่เป็นประจำประมาณ 30-40 ตัว โดยตัวไหนที่ผมถืออยู่ในปัจจุบัน ก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวไหนไม่ได้ถืออยู่แต่เคยถือหรือแม้แต่ไม่เคยถือ แต่ว่าน่าสนใจ ก็จะคอยติดตามห่างๆ หุ้นตัวที่ติดตามห่างๆ เมื่อมีแนวโน้มว่าธุรกิจของบริษัทนั้นๆเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จนผมรู้สึกว่าน่าสนใจ ผมก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น วิธีการวิเคราะห์หาราคาที่เหมาะสม ก็จะเป็นวิธีเดียวกับที่ได้กว่ามาแล้วในบทความฉบับก่อนๆ

            เมื่อเลือกหุ้นที่น่าสนใจได้และราคาที่เหมาะสมได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือหา TIMING ในการเข้าไปลงทุน  ซึ่งปกติผมจะใช้ TECHNICAL ANALYSIS คือการนำกราฟของราคาหุ้นตัวที่คิดว่าจะเข้าไปลงทุน ว่ามีแนวโน้มอย่างไร เป็นขาขึ้นขาลงหรือ SIDE WAY ซึ่งแนวโน้มของราคาหุ้นก็มีเพียงแค่ 3 แนวโน้มนี่แหละครับ แต่เวลาดูกราฟ โดยปกติผมจะใช้กราฟที่เป็นรายเดือนก่อน เพื่อดูแนวโน้มในระยะยาว ถ้ากราฟบอกว่าแนวโน้มระยะยาวอยู่ในขาขึ้น อย่างนี้ค่อยสบายใจว่า หุ้นตัวนี้มีความเสี่ยงจากการลงทุนระยะยาวไม่มากนัก หลังจากนั้นก็มาดูกราฟรายสัปดาห์เพื่อดูแนวโน้มระยะกลาง และถ้ากราฟบอกว่า OK อย่างนี้ก็หมายความว่ามีความเสี่ยงในระยะกลางน้อย  แล้วสุดท้ายก็มาดูกราฟรายวัน ถ้ากราฟรายวันบอกว่าในระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นด้วย อย่างนั้นคงต้องซื้อเลยทันที แต่ถ้ากราฟรายวันมีแนวโน้มเป็นขาลง อย่างนี้ผมยิ่งชอบ เพราะผมยังไม่ต้องรีบซื้อทีเดียวเลย อาจจะแบ่งการซื้อเป็นหลายๆครั้ง ตามแนวรับที่ได้จากการดูกราฟ นั่นหมายถึงผมจะได้หุ้นตัวนี้ในราคาที่ถูกลงไปอีก นั่นหมายถึงผมจะยิ่งมี MARGIN OF SAFETY มากขึ้น ซึ่งจะตามมาด้วยผลกำไรที่จะได้มีโอกาสมากขึ้น ทีนี้คำถามที่อยากจะทราบว่า ปกติผมใช้ INDICATOR ตัวไหนในการวิเคราะห์ จริงๆแล้วตัวที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นตัวBASIC จริงๆ จะมีตัวไหนบ้างที่ผมใช้ มาติดตามอ่านกันในบทความหน้ากันครับ

               
       กิติชัย เตชะงามเลิศ


    21/1/62


          ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส



IDEO Verve ราชปรารภ ห้องสวย วิวสวย เฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน ติดแอร์พอร์ทลิงค์ราชปรารภ เพียง 60 เมตร และห่างจากตลาดประตูน้ำเพียง 500 เมตร


ห้องที่จะขายและให้เช่า

      ชั้น 24 พื้นที่ 49.50 ตรม. 2 นอน 1 น้ำ ห้องสวย วิวสวย เฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน มี ผ้าม่าน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 3 ตัว ตู้เย็น 14.9 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 49 และ 32 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave ขายในราคา 5,800,000 บาท ปล่อยเช่า 23,000 บาท/เดือน

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ IDEO Verve ราชปรารภ ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/xaa5a4hsso6o1ft/AADO2gWro2v2eEW6B87q3z4ja?dl=0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น