จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

ลงทุนอะไรดีในช่วงดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5 เปอร์เซ็นต์ (ตอนที่ 4)

ลงทุนอะไรดีในช่วงดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5 เปอร์เซ็นต์ (ตอนที่ 4)  




          บทความตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงหลักในการลงทุนในตราสารทุนตามปัจจัยพื้นฐาน โดยพูดถึงเรื่อง Top Down ขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงของผม เมื่อ 10 ปีที่แล้ว  สิ่งที่จุดประกายให้ผมสนใจธุรกิจประกันชีวิต มาจากการอ่านคำสัมภาษณ์ของนายกสมาคมประกันชีวิตจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ทำให้ผมเห็นโอกาสในการเจริญเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ว่ายังมีอีกมาก เนื่องจากฐานของคนไทยที่ทำประกันชีวิตยังต่ำอยู่ จนทำให้ผมได้เข้าไปลงทุนในหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL) (ชื่อย่อในขณะนั้น ส่วนปัจจุบันคือบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต  หรือชื่อย่อ SCBLIF) (ภาพที่ 1) ซึ่งสร้างผลตอบแทนแก่ผมมากกว่า 1,800%(จากเงินปันผลและ Capital gain) ภายในเวลาที่ถือครองหุ้นตัวนี้มา 7-8 ปี




ภาพที่ 1: SCBLIF

            ส่วนงบการเงินนั้น สิ่งที่ต้องดู ไม่ใช่เพียงแค่บรรทัดสุดท้าย หรือกำไรสุทธิ/หุ้นเท่านั้น ควรจะดูทุกรายละเอียดของงบการเงินนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ต้นทุนขาย ซึ่งทำให้สามารถเปรียบเทียบการเติบโตของยอดขายทั้ง YOY ของบริษัททั้ง 3 และอัตราส่วน GROSS PROFIT MARGIN เทียบ YOY ของบริษัทเดียวกัน และเทียบกันระหว่าง 3 บริษัท ดูว่าบริษัทไหนที่มี GROSS PROFIT MARGIN ที่ดีกว่า และยังมียอดรายได้ที่โตขึ้น YOY มาตลอด 3 ปี บริษัทนี้เข้าเค้าแล้วว่า น่าจะเป็นบริษัทที่น่าสนใจลงทุน แต่ช้าก่อนเรายังมีขั้นตอนการสกรีนหุ้นที่จะลงทุนขั้นต่อไป โดยดูค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพื่อดู EBIT/ยอดขายสุทธิ (EBIT=EARNING BEFORE INTEREST & TAX) เช่นเดียวกัน บริษัทไหนที่มีอัตราส่วนนี้ดีขึ้น YOY และดีกว่าบริษัทที่เหลือ บริษัทนั้นน่าสนใจที่สุด แต่ตอนจะเหลียวไปดูบรรทัดสุดท้าย ก็ควรตรวจสอบดูว่ามีรายการพิเศษบ้างไหม เช่น กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนหรือกำไร (ขาดทุน)จากราคาวัตถุดิบ หรือกำไรขาดทุนที่เกิดจากการขายทรัพย์สินหรือหุ้นของบริษัทในเครือหรือบริษัทย่อย  ถ้ามีรายการพวกนี้ควรจะนำไปหักออกจากกำไรสุทธิ แล้วควรจะบวกกลับภาษีที่เกิดขึ้นจากรายการเหล่านี้กลับเข้าไป เพื่อจะได้กำไรปกติสุทธิ/หุ้น ซึ่งจะเป็นตัวที่เราจะนำมาใช้คำนวณหา NET PROFIT MARGIN เปรียบเทียบทั้ง YOY และเทียบเคียงกันระหว่าง 3 บริษัท 


           นอกจากสิ่งที่ต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ดูแล้ว ยังมีอัตราส่วนอื่นๆที่ต้องใช้ประกอบการพิจารณา เช่น ROE (RETURN ON EQUITY) และ ROA (RETURN ON ASSETค่า 2 ตัวนี้ ยิ่งมากจะยิ่งดี นั่นหมายถึงผลตอบแทนจากส่วนของทุน และผลตอบแทนจากการใช้สินทรัพย์ที่มีเพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อทำตามขั้นตอนตามที่เขียนมาทั้ง 6 ขั้นตอน ท่านก็จะพอมีแนวทางที่จะเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว

                ขั้นตอนต่อไป ก็คือการดูว่าราคาหุ้นของบริษัทที่ท่านได้คัดเลือกไว้แล้วว่ามีราคาถูกเพียงพอให้ท่านเข้าไปลงทุนหรือไม่ ค่า P/จะบอกท่านได้ โดยตัว P ก็ดูจากราคาตลาดของหุ้นบริษัทที่ท่านสนใจ ส่วนตัว E ก็คือตัว EPS แต่ไม่ใช่ EPS ที่บริษัทประกาศออกมา แต่ต้องเป็นกำไรปกติสุทธิ/หุ้น ที่คำนวณตามที่ได้อธิบายไว้เบื้องต้น แต่ P/ที่คำนวณได้จะเป็น P/ที่เกิดขึ้นจากกำไรที่ประกาศออกมาแล้วของปีล่าสุด ถ้าเอากำไรของ 4 ไตรมาสล่าสุด มาคำนวณ ก็จะเป็น TRAILING P/สิ่งที่ต้องระวังคือ กรณีที่บริษัทนั้นๆ ถ้าเป็น CYCLICAL STOCK คือเป็นหุ้นของบริษัทที่ธุรกิจเป็นวัฏจักร อาจจะทำให้ตัดสินใจในการลงทุนผิดพลาดไปได้ เพราะว่าช่วงที่ธุรกิจอยู่ในวัฏจักรช่วงขาขึ้น ผลประกอบการของบริษัทจะดีเป็นพิเศษ จะทำให้เมื่อคำนวณ P/แล้วจะได้ค่าP/Eที่ต่ำมาก ทำให้นักลงทุนเข้าใจว่าเป็นหุ้นที่ดีมีราคาถูก พอช่วงวัฏจักรขาลงหลายๆบริษัทเลยที่จะมีผลประกอบการที่ติดลบ คือขาดทุนเลยทีเดียว ซึ่งก็จะสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนได้ โดยปกติถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นที่อยู่ในธุรกิจแบบวัฏจักร เพราะว่ามีความเสี่ยงในการลงทุนเป็นอย่างมาก 

               ผมจะยกตัวอย่างราคาหุ้นที่อยู่ในธุรกิจวัฏจักรตัวหนึ่ง ให้ท่านได้เห็นถึงผลตอบแทนที่สุดมหัศจรรย์ และอารมณ์ประเภทนรกมีจริง เรามาดูราคหุ้น STA กันครับ(ภาพที่ 2) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 ราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 1.90 บาท ซึ่งช่วงนั้นราคายางตกต่ำอย่างมาก จึงทำให้ราคาหุ้น STA ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับยางที่มีราคาต่ำลง แต่พอช่วงที่ราคายางฟื้นตัวขึ่นมา ราคาหุ้นตัวนี้ดีดขึ้นไปถึง 41.25 บาท เมื่อเดือนมกราคม 2554 ราคาขึ้นมาถึง 39.35บาท/หุ้น คิดเป็น 2,071% เลยทีเดียว ภายในเวลาเพียง 1 ปีกับ 8 เดือนเท่านั้น แต่พอราคายางตกลงมาอีกรอบ ราคาหุ้นตัวนี้ก็หล่นลงมาเหลือเพียง 11.30 บาท เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 เป็นการลดลงถึง 29.45 บาท คิดเป็น 71.39% ภายในเวลาเพียง 2 ปีกับ 7 เดือนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันราคาตัวนี้ก็ยังต้วมเตี้ยม อยู่แถวๆ 10 บาทต้นๆอยู่เลย นี่กระมังที่นักลงทุนบางท่านกลับเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีเสน่ห์ เพราะว่าเห็นผลกำไรจากราคาหุ้นในช่วงที่หุ้นเหล่านี้เริ่มTURNAROUND แต่หุ้นประเภทนี้ ที่สุดแล้วก็สร้างบาดแผลให้กับนักลงทุนไว้มากมาย


ภาพที่ 2: STA
   
       กิติชัย เตชะงามเลิศ


    21/1/62


         ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ




ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส



ขายดาวน์ ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knights Bridge Prime Sathorn 5 ยูนิต DUPLEX ชั้นสูง ห้องมุมสุดสวย Fully Furnished ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 8 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี



        5 Duplex ยูนิตที่จะขายดาวน์ ชั้น 31-38 ขนาด 37-58 ตรม. ทุกยูนิตเป็นห้องมุม วิวสุดยอด ได้โปร Fully Furnished ราคาเพียง 5.40-7.60 ล้านบาท(ราคา/ตรม. ประมาณ 130,000 -140,000)

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knight Bridge Prime Sathorn ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/4zmxvosscbwxmpb/AACgGAlKuCGaDLs7DBPriYoJa?dl=0



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น