บทความตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงหลักในการลงทุนในตราสารทุนตามปัจจัยพื้นฐาน
โดยพูดถึงเรื่อง Top Down ขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงของผม
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สิ่งที่จุดประกายให้ผมสนใจธุรกิจประกันชีวิต มาจากการอ่านคำสัมภาษณ์ของนายกสมาคมประกันชีวิตจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ทำให้ผมเห็นโอกาสในการเจริญเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ว่ายังมีอีกมาก เนื่องจากฐานของคนไทยที่ทำประกันชีวิตยังต่ำอยู่
จนทำให้ผมได้เข้าไปลงทุนในหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL) (ชื่อย่อในขณะนั้น
ส่วนปัจจุบันคือบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต หรือชื่อย่อ SCBLIF) (ภาพที่ 1) ซึ่งสร้างผลตอบแทนแก่ผมมากกว่า 1,800%(จากเงินปันผลและ
Capital gain) ภายในเวลาที่ถือครองหุ้นตัวนี้มา
7-8 ปี
ภาพที่ 1: SCBLIF
ส่วนงบการเงินนั้น สิ่งที่ต้องดู ไม่ใช่เพียงแค่บรรทัดสุดท้าย หรือกำไรสุทธิ/หุ้นเท่านั้น
ควรจะดูทุกรายละเอียดของงบการเงินนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย ต้นทุนขาย
ซึ่งทำให้สามารถเปรียบเทียบการเติบโตของยอดขายทั้ง YOY ของบริษัททั้ง 3 และอัตราส่วน GROSS PROFIT MARGIN เทียบ YOY ของบริษัทเดียวกัน
และเทียบกันระหว่าง 3 บริษัท ดูว่าบริษัทไหนที่มี GROSS PROFIT
MARGIN ที่ดีกว่า และยังมียอดรายได้ที่โตขึ้น YOY มาตลอด 3 ปี บริษัทนี้เข้าเค้าแล้วว่า น่าจะเป็นบริษัทที่น่าสนใจลงทุน
แต่ช้าก่อนเรายังมีขั้นตอนการสกรีนหุ้นที่จะลงทุนขั้นต่อไป
โดยดูค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพื่อดู EBIT/ยอดขายสุทธิ
(EBIT=EARNING BEFORE INTEREST & TAX) เช่นเดียวกัน บริษัทไหนที่มีอัตราส่วนนี้ดีขึ้น YOY และดีกว่าบริษัทที่เหลือ บริษัทนั้นน่าสนใจที่สุด
แต่ตอนจะเหลียวไปดูบรรทัดสุดท้าย ก็ควรตรวจสอบดูว่ามีรายการพิเศษบ้างไหม เช่น กำไร
(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนหรือกำไร (ขาดทุน)จากราคาวัตถุดิบ
หรือกำไรขาดทุนที่เกิดจากการขายทรัพย์สินหรือหุ้นของบริษัทในเครือหรือบริษัทย่อย
ถ้ามีรายการพวกนี้ควรจะนำไปหักออกจากกำไรสุทธิ แล้วควรจะบวกกลับภาษีที่เกิดขึ้นจากรายการเหล่านี้กลับเข้าไป
เพื่อจะได้กำไรปกติสุทธิ/หุ้น ซึ่งจะเป็นตัวที่เราจะนำมาใช้คำนวณหา NET
PROFIT MARGIN เปรียบเทียบทั้ง YOY และเทียบเคียงกันระหว่าง 3 บริษัท
นอกจากสิ่งที่ต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ดูแล้ว
ยังมีอัตราส่วนอื่นๆที่ต้องใช้ประกอบการพิจารณา เช่น ROE (RETURN ON EQUITY) และ ROA
(RETURN ON ASSET) ค่า 2 ตัวนี้ ยิ่งมากจะยิ่งดี
นั่นหมายถึงผลตอบแทนจากส่วนของทุน
และผลตอบแทนจากการใช้สินทรัพย์ที่มีเพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อทำตามขั้นตอนตามที่เขียนมาทั้ง 6 ขั้นตอน ท่านก็จะพอมีแนวทางที่จะเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้แล้ว
ขั้นตอนต่อไป
ก็คือการดูว่าราคาหุ้นของบริษัทที่ท่านได้คัดเลือกไว้แล้วว่ามีราคาถูกเพียงพอให้ท่านเข้าไปลงทุนหรือไม่
ค่า P/E จะบอกท่านได้ โดยตัว P ก็ดูจากราคาตลาดของหุ้นบริษัทที่ท่านสนใจ ส่วนตัว E ก็คือตัว EPS แต่ไม่ใช่ EPS ที่บริษัทประกาศออกมา แต่ต้องเป็นกำไรปกติสุทธิ/หุ้น ที่คำนวณตามที่ได้อธิบายไว้เบื้องต้น
แต่ P/E ที่คำนวณได้จะเป็น P/E ที่เกิดขึ้นจากกำไรที่ประกาศออกมาแล้วของปีล่าสุด
ถ้าเอากำไรของ 4 ไตรมาสล่าสุด มาคำนวณ ก็จะเป็น TRAILING P/E สิ่งที่ต้องระวังคือ กรณีที่บริษัทนั้นๆ ถ้าเป็น CYCLICAL
STOCK คือเป็นหุ้นของบริษัทที่ธุรกิจเป็นวัฏจักร อาจจะทำให้ตัดสินใจในการลงทุนผิดพลาดไปได้
เพราะว่าช่วงที่ธุรกิจอยู่ในวัฏจักรช่วงขาขึ้น ผลประกอบการของบริษัทจะดีเป็นพิเศษ จะทำให้เมื่อคำนวณ P/E แล้วจะได้ค่าP/Eที่ต่ำมาก ทำให้นักลงทุนเข้าใจว่าเป็นหุ้นที่ดีมีราคาถูก
พอช่วงวัฏจักรขาลงหลายๆบริษัทเลยที่จะมีผลประกอบการที่ติดลบ คือขาดทุนเลยทีเดียว
ซึ่งก็จะสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนได้
โดยปกติถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงที่จะลงทุนในหุ้นที่อยู่ในธุรกิจแบบวัฏจักร เพราะว่ามีความเสี่ยงในการลงทุนเป็นอย่างมาก
ผมจะยกตัวอย่างราคาหุ้นที่อยู่ในธุรกิจวัฏจักรตัวหนึ่ง ให้ท่านได้เห็นถึงผลตอบแทนที่สุดมหัศจรรย์
และอารมณ์ประเภทนรกมีจริง เรามาดูราคหุ้น STA กันครับ(ภาพที่ 2) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 ราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 1.90 บาท ซึ่งช่วงนั้นราคายางตกต่ำอย่างมาก
จึงทำให้ราคาหุ้น STA ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับยางที่มีราคาต่ำลง
แต่พอช่วงที่ราคายางฟื้นตัวขึ่นมา ราคาหุ้นตัวนี้ดีดขึ้นไปถึง 41.25 บาท
เมื่อเดือนมกราคม 2554 ราคาขึ้นมาถึง 39.35บาท/หุ้น คิดเป็น 2,071% เลยทีเดียว ภายในเวลาเพียง 1 ปีกับ 8
เดือนเท่านั้น แต่พอราคายางตกลงมาอีกรอบ ราคาหุ้นตัวนี้ก็หล่นลงมาเหลือเพียง 11.30
บาท เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 เป็นการลดลงถึง 29.45 บาท คิดเป็น 71.39% ภายในเวลาเพียง
2 ปีกับ 7 เดือนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันราคาตัวนี้ก็ยังต้วมเตี้ยม
อยู่แถวๆ 10 บาทต้นๆอยู่เลย
นี่กระมังที่นักลงทุนบางท่านกลับเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีเสน่ห์
เพราะว่าเห็นผลกำไรจากราคาหุ้นในช่วงที่หุ้นเหล่านี้เริ่มTURNAROUND แต่หุ้นประเภทนี้ ที่สุดแล้วก็สร้างบาดแผลให้กับนักลงทุนไว้มากมาย
ภาพที่ 2: STA
21/1/62
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ขายดาวน์ ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knights Bridge Prime Sathorn 5 ยูนิต DUPLEX
ชั้นสูง ห้องมุมสุดสวย Fully Furnished
ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 8 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี
5 Duplex ยูนิตที่จะขายดาวน์ ชั้น 31-38
ขนาด 37-58 ตรม. ทุกยูนิตเป็นห้องมุม
วิวสุดยอด ได้โปร Fully Furnished ราคาเพียง 5.40-7.60
ล้านบาท(ราคา/ตรม. ประมาณ 130,000 -140,000)
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knight
Bridge Prime Sathorn ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/4zmxvosscbwxmpb/AACgGAlKuCGaDLs7DBPriYoJa?dl=0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น