รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 2)
บทความที่แล้วผมได้พูดถึงคนที่อยู่ในวัยแรงงาน ที่มีงานทำและไม่ได้ทำงาน
และได้เกริ่นถึงแหล่งที่มาของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน ที่นี้เรามาดู ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนกันครับ
ครัวเรือนทั่วประเทศ ในปี 2560
มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 21,437 บาท โดยค่าใช้จ่ายร้อยละ
35.1 เป็นค่าอาหารเครื่องดื่มและยาสูบ
รองลงมาเป็นค่าที่อยู่อาศัย เครื่องแต่งบ้านและเครื่องใช้ภายในบ้านร้อยละ 20.3 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะและการเดินทางร้อยละ 17.4 ของใช้ส่วนบุคคล/เครื่องนุ่งห่ม/รองเท้าร้อยละ 5.2 ใช้ในการสื่อสารร้อยละ 3.4
ใช้เพื่อการศึกษา ค่าเวชภัณฑ์/ค่ารักษาพยาบาล
และการบันเทิง/การจัดงานพิธีคือร้อยละ 1.8 1.6 และ 1.2 ตามลำดับ สำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมศาสนามีเพียงร้อยละ 1.0 ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค เช่น ค่าภาษี ของขวัญ เบี้ยประกันภัย ซื้อสลากกินแบ่ง/หวย ดอกเบี้ย สูงถึงร้อยละ 13.0 ตามภาพที่ 1
และการบันเทิง/การจัดงานพิธีคือร้อยละ 1.8 1.6 และ 1.2 ตามลำดับ สำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมศาสนามีเพียงร้อยละ 1.0 ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค เช่น ค่าภาษี ของขวัญ เบี้ยประกันภัย ซื้อสลากกินแบ่ง/หวย ดอกเบี้ย สูงถึงร้อยละ 13.0 ตามภาพที่ 1
หนี้สินของครัวเรือน (ปี 2560) จากครัวเรือนทั่วประเทศประมาณ
21 ล้านครัวเรือน พบว่าเป็นครัวเรือนที่มีหนี้สินประมาณ 10.8 ล้านครัวเรือน
หรือร้อยละ 50.7 โดยมีจำนวนหนี้สินเฉลี่ย
178,994 บาทต่อครัวเรือน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้ในครัวเรือน (ร้อยละ 76.9) ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคร้อยละ 39.0 ใช้ในการซื้อบ้าน/ที่ดินร้อยละ 36.3 และใช้ในการศึกษาร้อยละ 1.6 สำหรับหนี้เพื่อใช้ในการลงทุนและอื่นๆ
(ร้อยละ 23.1) พบว่าส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อใช้ทำการเกษตร
ร้อยละ 14.0 รองลงมาคือใช้ทำธุรกิจ
ร้อยละ 8.5 และหนี้อื่นๆ อีกร้อยละ 0.6 ตามภาพที่ 2
ร้อยละ 8.5 และหนี้อื่นๆ อีกร้อยละ 0.6 ตามภาพที่ 2
ภาพที่ 2 : ร้อยละของครัวเรือน
จำแนกตามการมีหนี้สิน
และจำนวนหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนโดยจำแนกตามวัตถุประสงค์ของการกู้ยืม ปี 2560
การก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เกิดจากความที่คนเหล่านั้นไม่มีวินัยในเรื่องการออมเงินและใช้เงิน
ถ้าเป็นการก่อหนี้เพื่อการลงทุนหรือซื้อสินทรัพย์ที่ทวีมูลค่า เช่น
อสังหาริมทรัพย์ โดยมีข้อแม้ว่าเป็นการลงทุนที่ไม่เกินกำลังของตัวเอง
กลับเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน เพราะนอกจากทำให้มีวินัยในเรื่องการออมเงินและใช้เงินแล้ว
ตัวสินทรัพย์ดังกล่าวเมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีมูลค่าสูงกว่าราคาตอนที่ซื้อมา ซึ่งทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น
ครัวเรือนที่มีหนี้สินในระบบ
และนอกระบบ (ปี 2560)(ภาพที่ 3) จากครัวเรือนทั่วประเทศที่มีหนี้สิน
พบว่าส่วนใหญ่ครัวเรือนเป็นหนี้ในระบบ โดยครัวเรือนที่มีหนี้ในระบบอย่างเดียวร้อยละ
90.0 ครัวเรือนที่มีหนี้นอกระบบอย่างเดียวร้อยละ
5.8 ครัวเรือนที่มีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบมีเพียงร้อยละ
4.2 และพบว่าจํานวนเงินเฉลี่ยที่เป็นหนี้ในระบบสูงกว่านอกระบบถึง
41 เท่า (174,714 บาท และ 4,280 บาทตามลําดับ) โดยลดลงจากปี 2558 ซึ่งหนี้ในระบบสูงกว่าหนี้นอกระบบประมาณ
46 เท่า (153,425 บาท และ 3,346
บาท ตามลําดับ) เป็นหนี้นอกระบบ เผลอแป๊บเดียว
ก็ทำให้ตัวดอกเบี้ยท่วมเงินต้นเสียแล้ว
หนี้นอกระบบจึงเป็นปีศาจตัวร้ายที่ทำให้คนไทยยากจนลงไปเรื่อยๆ รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมาย
ภาพที่ 3 : ร้อยละของครัวเรือนที่มีหนี้สินในระบบและนอกระบบ
และจำนวนหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนทั้งสิ้นปี 2560
จากข้อมูลดังกล่าว
ทำให้เราเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวินัยในเรื่องการออมเงิน จริงๆแล้วกระทรวงศึกษาธิการควรจะนำเรื่อง"การออมเงิน"
บรรจุเป็นวิชาในหลักสูตรของนักเรียนชั้นมัธยมต้น(หรืออย่างน้อยก็ควรจะเป็นหนังสือนอกเวลา) เพราะเด็กบางคนหลังจากจบมัธยมศึกษาตอนต้น อาจจะเรียนต่อสายวิชาชีพ
ปวช. ปวส. ซึ่งหลักสูตร"การออมเงิน" นี้ จะทำให้เด็กเหล่านี้ซึ่งยังเป็นไม้อ่อนพอดัดได้
จะได้มีความรู้ติดตัว ซึ่งจะทำให้ภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยในอนาคตลดลง
รวมทั้งยังจะลดช่องว่างของรายได้ของคนในประเทศได้อีกด้วย
นอกจากนี้การนำ ระบบภาษีแบบ Negative Income tax(NIT) มาใช้แทนระบบภาษีแบบเดิม
น่าจะเป็นวิธีที่ช่วยขจัดปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย
และแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำของรายได้
ซึ่งจะช่วยลดปัญหาของสังคมในอนาคตได้เป็นอย่างดี
มาติดตามบทความหน้ากันนะครับว่า ระบบภาษีแบบนี้เป็นอย่างไร แล้วจะช่วยประเทศชาติได้อย่างไร
กิติชัย เตชะงามเลิศ
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ขายดาวน์ 6 ยูนิตสุดสวย เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น 1 ก้าวจาก SKY
WALK รถไฟฟ้าบางหว้า และรถไฟฟ้า MRT (เป็นสถานี
INTERCHANGE)
ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ
พย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIO
ห้องหันไปทางทิศใต้ รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,000,000 บาท
ปัจจุบันโครงการขายที่ราคาเริ่มต้น
2.99
ล้านบาทแล้วครับ
Review VDO @ https://youtu.be/Ry9tLa2NOt4
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ
แอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruek ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/4bocn8qjdrhpfdk/AABGsSAcZwp4zZGj4SUPeXQEa?dl=0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น