จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ฝากเงินที่ไหนได้ดอกเบี้ยสูงสุด(ตอนที่ 1)


                              ฝากเงินที่ไหนได้ดอกเบี้ยสูงสุด(ตอนที่ 1)



       ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสถาบันการเงินของไทย จากรูปภาพที่ 1 ที่ผมได้มาจากเว็บไซต์ https://tradingeconomics.com/thailand/deposit-interest-rate

             

                                   ภาพที่ 1 : อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของประเทศไทยในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
        
          ในภาพนี้แสดงให้เห็นว่าช่วงระหว่างปีค.ศ.1990-1991(พ.ศ.2533-2534) ช่วงนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของประเทศไทย เคยขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 14% ต่อปี ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สมัยที่ประเทศไทยเรามีนายกที่ชื่อว่า พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ(4/8/2531 - 23/2/2534) ซึ่งต่อมาก็ถูกปฏิวัติโดยคณะปฏิวัติ ที่มีพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2534 แล้วคณะปฏิวัติได้จัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี(2/3/2534 - 7/4/2535) ขึ้นมาปกครองประเทศเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2534) สมัยท่านนายกชาติชาย เป็นช่วงที่เงินสะพัดมาก และผมคิดว่าเป็นช่วงที่มีเงินสะพัดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ธุรกิจต่างๆต้องการขยายกำลังการผลิต และมีการเก็งกำไรกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ มีการสร้างสนามกอล์ฟ อาคารสำนักงาน คอนโดที่อยู่อาศัย มากกว่าความต้องการใช้งานจริงๆ หลังจาก เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปีพศ. 2540 ในสมัยที่ท่านพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี(25/11/2539 - 9/2/2540) โดยมี ดร.ทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลัง ซึ่งได้ประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐที่เคยอยู่แถวๆ 25 บาท ได้อ่อนตัวอย่างรวดเร็ว โดยช่วงที่อ่อนตัวมากที่สุดอยู่ที่ 56.75 บาท เมื่อปี 2540(ตามภาพที่ 2)

      

                                                                 ภาพที่ 2 : ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ช่วงระหว่างปี1997-2018
                                                                 ภาพจาก : www.investing.com

         ในสมัยนั้น สนามกอล์ฟแทบจะร้าง นักกอล์ฟหายไปเป็นจำนวนมาก เพราะมีหลายๆบริษัท ห้างร้าน หรือกิจการต่างๆ ที่ต้องปิดตัวลงไป พนักงานถูกเลย์ออฟเป็นจำนวนมาก หลายๆอาคารกลายเป็นอาคารร้าง เพราะว่าคนที่จองซื้อคอนโด หรือซื้อสมาชิกสนามกอล์ฟ ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มนักเก็งกำไรเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อฟองสบู่แตก จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

         จากรูปภาพที่ 3 แสดงให้เห็นว่า มีการเก็งกำไรในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ช่วงนั้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไต่ระตับจาก 243.97 ในเดือนธันวาคม ปีพศ.2530 วิ่งไปทำจุดสูงสุดที่ 1,143.78 ในเดือนกรกฎาคม ปีพศ. 2533 เท่ากับว่าขึ้นมาถึง 899.81 จุด หรือคิดเป็น 368.82%โดยใช้เวลาเพียง 2 ปีกับ 7 เดือนเท่านั้น หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 142.79% ในช่วงเวลานั้นนักลงทุนและนักเก็งกำไรอู้ฟู่กันถ้วนหน้า เห็นอย่างนี้แล้ว ฟองสบู่จะไม่แตกได้อย่างไรครับ ซึ่งเห็นได้ว่าหลังจากที่ไปทำจุดสูงสุดดังกล่าวแล้ว ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็หล่นลงมาอย่างแรง โดยลงไปจุดต่ำสุดที่ 544.30 จุดในเดือนพฤศจิกายน ปีพศ.2533  โดยลงไปถึง 599.48 จุด หรือคิดเป็น 52.41 % ภายในเวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น ช่วงนั้นไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรก็ล้วนแต่จะกระอักเลือดตายกันทั้งนั้น
                      

                                                              ภาพที่ 3 : ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2530 ถึง 2533

       ถ้าเทียบกับช่วงปัจจุบันซึ่งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ลงจากจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 1,852.51 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,584.68 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน(รูปภาพที่ 4) ลงมา 267.83 จุดคิดเป็น 14.46% ภายในเวลาประมาณ 4 เดือนเท่ากัน ถือได้ว่าช่วงปัจจุบันนี้เป็นการลงที่น้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงสมัยก่อน เป็นโชคดีของนักลงทุนรุ่นหลังๆ ที่ยังไม่เคยเจอการลงแบบมหาโหดเหมือนกับนักลงทุนรุ่นก่อนๆ

                  

                                                       ภาพที่ 4 : ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ช่วงต้นปี 2561 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2561

              ยังไม่ได้เข้าถึงเรื่องการฝากดอกเบี้ย ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุด เนื้อที่ก็หมดแล้วมาติดตามอ่านกันในสัปดาห์หน้าครับ




กิติชัย เตชะงามเลิศ



       ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส




ห้องที่จะขายดาวน์(เข้าอยู่ได้เลย)
     ห้อง 2 นอน 1 น้ำ  43.5 ตารางเมตร ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 7,000,000 บาท ดู VDO ที่  https://youtu.be/71DIiM0m4tM

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ อัลทีจูด ดีไฟน์ สามย่าน(Altitude Define Samyan) ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/yydb77yvmhk1926/AAAOykYkVdsXAVOanCti6x0aa?dl=0

          อาคารชุด 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน ลึก 3 ระดับ 59 ห้องชุด ที่จอดรถ  59 คัน คิดเป็น 100 % บนที่ดิน 218 ตารางวา

พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส


Altitude Define Samyan, 2 best units(2B1B & 1B1B), only 200 m. from MRT-Samyan and 600 m. from BTS-Saladang.


Down payment sales:

        Unit 2B1B, 43.5 SQM., fully furnished with well decoration, only 7,000,000.
                         https://youtu.be/71DIiM0m4tM

There r only 59 units with 100% car park. Expected ready to move in now.

U can download all of Altitude Define Samyans photo & VDO from https://www.dropbox.com/sh/yydb77yvmhk1926/AAAOykYkVdsXAVOanCti6x0aa?dl=0
หรือ https://photos.app.goo.gl/S9Xu3oX6YJj13f4i9

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น