รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 5)
บทความที่แล้ว
ผมได้อธิบายถึงว่า NIT คืออะไร
และได้แสดงตัวอย่างฃ่วงรายได้ที่เข้าข่ายจะได้รับเบี้ยขยันกันไปแล้ว
ตอนนี้เรามาสรุปกันว่า NIT มีประโยชน์อย่างไรบ้างกัน
สรุปประโยชน์ของ NIT
1. สามารถเข้าถึงคนยากจนที่แท้จริง
เพราะคนกลุ่มนี้ถ้าจะรับเบี้ยขยันจะต้องเข้าสู่ในระบบภาษีเท่านั้น
ต้องมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ส่วนบุคคลธรรมดาประจำปี
โดยรัฐเองจะต้องมีจัดตั้งหน่วยงาน เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้
ซึ่งไม่เข้าใจวิธีเก็บรวบรวมหลักฐานของรายได้
และขั้นตอนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี แต่รวมๆแล้ว NIT จะมีต้นทุนในการบริหารจัดการค่อนข้างต่ำ
เพราะรัฐสามารถที่จะโอนเงินเบี้ยขยันให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับ
ผ่านทางบัญชีพร้อมเพย์ของผู้รับได้โดยตรง ทำให้ขั้นตอนการดำเนินการของรัฐสั้นลง
และตัดช่องทางรั่วไหลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้รัฐมีฐานข้อมูลคนจน
เพื่อสามารถจะกำหนดนโยบายเข้าช่วยเหลือคนจนกลุ่มดังกล่าวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
2. กระตุ้นให้คนยากจน
พยายามสร้างรายได้ เพื่อให้เข้าเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ ที่จะได้รับเบี้ยขยันจากรัฐ
เพราะถ้ารายได้ยังไม่เข้าเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่กำหนดไว้
ก็จะไม่ได้รับเบี้ยขยันดังกล่าว
ทำให้คนไทยที่อยู่ใต้เส้นความยากจนลดลงและหมดไปในที่สุดซึ่งจะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำซึ่งเป็นปัญหาของสังคมไทยเราในปัจจุบันนี้ทั้งยังทำให้รายได้ประชาชาติต่อประชากรสูงขึ้นซึ่งย่อมส่งผลต่อ
GDP ของประเทศ และเมื่อเวลาผ่านไป
ประเทศไทยก็จะได้หลุดจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางที่ติดอยู่ในกับดักนี้มานาน
ขึ้นไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคต
3. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจนอกระบบ จากการที่
NIT ทำให้แรงงานนอกระบบบางส่วน ยอมเข้ามาอยู่ในระบบ
เพื่อที่จะได้รับเบี้ยขยันดังกล่าว
โดยปกติประเทศพัฒนาแล้วจะมีเศรษฐกิจนอกระบบคิดเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ต่อ GDP ค่อนข้างต่ำ
ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาจะมีเศรษฐกิจนอกระบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปี 2547 ประเทศไทยเคยมีเศรษฐกิจนอกระบบคิดเป็น
53.60% ของ GDP
ต่อมาในปี 2557 ประเทศไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบเหลือเพียง 39% ของ GDP
แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นอยู่ที่ 9.2%
เท่านั้น ในขณะที่เพื่อนบ้านในอาเซียนด้วยกัน เช่น ลาวอยู่ที่ 27.5% มาเลเซีย 28.9% และเวียดนามอยู่ที่ 15.2%
เท่านั้น (ที่มา : https://www.researchgate.net/)
จากรายงานของธนาคารโลก
ได้ยกให้ไทยเป็นประเทศที่เสี่ยงสูง เพราะเป็นประเทศมีเศรษฐกิจนอกระบบสัดส่วนมาก โดยเศรษฐกิจนอกระบบหมายถึง
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่อยู่ภายใต้ “ระบบตลาด” (Market)
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่อยู่ในระบบบัญชีประชาชาติ
กิจกรรมมีขนาดเล็กและไม่ผิดกฎหมาย เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หาบเร่แผงลอย การรับงานมาทำที่บ้าน
สินเชื่อนอกระบบ แรงงานในภาคเกษตรกรรม และบริการ รวมไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ผิดกฎหมาย
กิจกรรมที่เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยกฎหมาย เช่น ยาเสพติด
ของเถื่อน บริการทางเพศ การพนัน ฯลฯ
ซึ่งมีผลต่อการสร้างความยืดหยุ่นให้ตลาดสินค้ากับแรงงาน
ในเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศเผชิญกับความเสี่ยง
หากมีอะไรมากระทบตลาดสินค้ากับตลาดแรงงาน รัฐบาลจะช่วยเหลือไม่ได้มาก
เพราะไม่มีฐานข้อมูล ไม่มีการหักภาษี หรือข้อมูลจัดเก็บภาษีอยู่ในระบบเลย TDRI
รายงานว่า แรงงานไทย 27 ล้านคน จากทั้งหมด 40 ล้านคน
เป็นแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม หรือกว่า 60% อยู่นอกระบบ
ซึ่งเอสเอ็มอีมีอยู่ 2.8 ล้านราย โดยมีเพียง 5 แสนราย ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ที่เหลืออยู่นอกระบบ สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจนอกระบบของไทย มีขนาดใหญ่มาก
โดยที่เหลือเป็นการยืมหรือ กู้เงินนอกระบบ
4. ลดการบิดเบือนกลไกตลาด เหมือนอย่างกรณีนโยบายประชานิยมต่างๆในอดีต
เช่น การค้ำประกันราคาพืชผล การจำนำข้าว การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น
ทั้งยังได้ประสิทธิผลที่ดีกว่า และประหยัดงบประมาณของรัฐได้มากกว่าด้วย
มีหลายคนสับสนว่าเป็น NIT ก็เป็นโครงการประชานิยมเหมือนกันใช่ไหม คำตอบคือ "ไม่ใช่" เพราะว่าประชานิยมจะต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้คือ
1. เพื่อประโยชน์แก่คนบางกลุ่มเท่านั้น เช่น โครงการจำนำข้าวที่เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มชาวนาเท่านั้น
เป็นต้น
2. เป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็อาจจะล้มเลิกนโยบายนั้น
3. ทำโดยไม่คำนึงถึงภาระทางการคลัง
อนึ่ง
ประเทศในอาเซียนที่ใช้ NIT คือประเทศสิงคโปร์
ซึ่งถ้าไม่ดีจริงประเทศนี้คงไม่นำมาใช้เป็นแน่ ผมชอบคำพูดของคุณเนลสัน แมนเดลา ที่กล่าวไว้ดีมากๆ
ที่ว่า "Poverty is not natural. It is man-made and can be overcome and eradicated by the actions of human
beings." ที่กล่าวในที่ประชุมของกลุ่มรัฐมนตรีการคลังประเทศ G7 ที่กรุงลอนดอน เมื่อนานมาแล้ว
NIT
ไม่เข้าข่ายโครงการประชานิยม แต่เป็นระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ที่จะช่วยทำให้ความจนหมดสิ้นไปจากประเทศไทย ช่วงนี้จะเห็นป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองอยู่เกลื่อนกลาดทั่วทั้งถนน
ผมอ่านป้ายของพรรคเหล่านี้แล้ว ส่วนใหญ่จะเน้นประชานิยมแทบทั้งสิ้น เราคนไทยคงไม่อยากจะเห็นประเทศไทยเป็นเวเนซุเอลาแห่งเอเชียกันนะครับ
เครดิตภาพ: salisburyreview
กิติชัย เตชะงามเลิศ
16/2/62
ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ
ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/VI.Kitichai
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
Twitter : http://twitter.com/value_talk
Instagram : Gid_Kitichai
Blog : http://kitichai1.blogspot.com
You Tube : http://www.youtube.com/c/KitichaiTaechangamlert
หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"
2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส
ห้องที่จะขายดาวน์
ห้อง 2 นอน 1 น้ำ 43.5 ตารางเมตร ไม่ติดลิฟท์และห้องขยะ ไม่โดนบล็อควิว เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ตกแต่งสวยมาก ราคา 7,000,000 บาท
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ อัลทีจูด ดีไฟน์ สามย่าน(Altitude Define Samyan) ได้ที่https://www.dropbox.com/sh/yydb77yvmhk1926/AAAOykYkVdsXAVOanCti6x0aa?dl=0
อาคารชุด 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน ลึก 3 ระดับ 59 ห้องชุด ที่จอดรถ 59 คัน คิดเป็น 100 % บนที่ดิน 218 ตารางวา
พื้นที่ส่วนกลาง : สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ห้องสมุด ซาวน่า และ สปอร์ตคลับ / ฟิตเนส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น