จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 3


                               Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 3


          จากตัวเลขของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ซึ่งได้จัดพิมพ์ "สารประชากร มหาวิทยาลัยมหิดล"  ได้ระบุว่าประมาณกลางปี 2561 ประเทศไทยจะมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปเป็นจำนวน 11,770,000 คน  จำนวนประชากรทั้งหมด 66,234,000 คน  หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.77% โดยในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป 6,457,000 คนจากจำนวนประชากรผู้หญิงทั้งหมด 33,780,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.11% และเป็นผู้ชายที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป 5,313,000 คน จากจำนวนประชากรผู้ชายทั้งหมด 32,454,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.37% สงสัยจะจริงอย่างที่เขาว่า "ผู้หญิงแก่ง่ายตายยาก" มีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2565 ประเทศไทยจะมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมดนั่นหมายความว่าประเทศไทยจกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์แบบ

             ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัยเหล่านี้จึงน่าจะมีอนาคตที่สดใสตามไปด้วย เท่าที่ผมคิดดูธุรกิจที่น่าจะได้รับอานิสงค์มีดังต่อไปนี้

1) ธุรกิจประกันชีวิต แน่นอนฐานอายุเฉลี่ยของประชากรที่สูงขึ้น ย่อมทำให้ความต้องการที่จะทำประกันชีวิตเพื่อความมั่นคงของชีวิตมากขึ้น จำนวนคนไทยที่ทำประกันชีวิตยังมีเพียง 38% เท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่ทำประกันชีวิตมากกว่า 100% (บางคนทำประกันชีวิตมากกว่า 1 กรมธรรม์) ดังนั้นโอกาสเติบโตยังมีอีกสูงมาก แต่น่าเสียดายที่บริษัทประกันชีวิตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีเพียง 2 ผมอยากให้คปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับและดูแลทั้งบริษัทประกันภัยและประกันชีวิต นอกจากบังคับให้บริษัทประกันเหล่านี้เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) อย่างที่เป็นอยู่แล้ว น่าจะผลักดันให้ทุกบริษัทต้องเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีนับจากนี้ เพราะว่าการเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนทำให้ต้องทำงบการเงินที่โปร่งใส ต้องมีการตั้งกรรมการอิสระที่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ เพราะว่าบริษัทประกันเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเงินออมระยะยาวและการคุ้มครองผู้ถือกรมธรรม์เป็นจำนวนมาก ถ้ามีความไม่มั่นคง ไม่โปร่งใส ผลกระทบย่อมเกิดในวงกว้างเป็นแน่ ถึงแม้คปภ. จะมีการกำกับดูแลที่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าได้หน่วยงานอย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์และกลต. ช่วยกำกับดูแลเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อผู้ถือกรมธรรม์

2) ธุรกิจ Health Care ซึ่งพอจะแบ่งเป็น 4 ประเภทได้ดังนี้

2.1) ธุรกิจยาและอาหารเสริม ซึ่งประเทศไทยเรายังมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนายาของเราเองยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว โดยธุรกิจนี้ในต่างประเทศ หุ้นกลุ่มนี้จะซื้อขายกันที่ P/E เฉลี่ยประมาณ 18-20% แต่บางช่วงก็ขึ้นไปถึงเกือบ 40 เท่า แต่ช่วงที่เกิด Hamburger crisis ก็เคยเห็นซื้อขายกันที่ P/E ต่ำกว่า 10 เท่าก็เห็นมาแล้ว ในบ้านเราดูเหมือนมีอยู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ทำธุรกิจที่พออนุโลมเข้ามาในหมวดนี้ได้เช่นกัน

2.2) ธุรกิจ BIO TECH ไทยเรายังล้าหลังสิงคโปร์มาก ปัจจุบันสิงคโปร์ พัฒนาประเทศโดยเน้นไปที่อุตสาหกรรม BIO TECH ซึ่งผมมองว่าเขาฉลาดและมาถูกทางแล้ว หุ้นกลุ่มนี้ซื้อขายกันในตลาดโลกที่ P/E เฉลี่ย 26-29 เท่า บางช่วงเคยขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E 70 กว่าเท่าด้วยซ้ำไป ตอน Hamburger crisis เคยหล่นไปซื้อขายกันที่ P/E ประมาณ 12 เท่า ส่วนในเมืองไทยผมยังไม่เห็นว่า มีบริษัทไหนที่พอจะเข้าข่ายธุรกิจนี้ได้เลยในตลาดหุ้นบ้านเรา

2.3) ธุรกิจ Health care equipment ก็เป็นธุรกิจที่เป็นดาวเด่นเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นรอง BIO TECH อยู่บ้าง ธุรกิจเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์และอนามัย ในตลาดหุ้นโลก หุ้นกลุ่มนี้ซื้อขายกันที่ P/E เฉลี่ยประมาณ 22-25 เท่า ตอนตลาดบูมๆ เคยซื้อขายกันที่ P/E มากกว่า 40 เท่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นฟุบ เคยหล่นลงไปซื้อขายกันที่ P/E 12 เท่า ส่วนตลาดหุ้นไทยก็มีบางบริษัทเข้าข่ายสามารถจัดอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่ธุรกิจนี้ในบ้านเรา ยังมีความสามารถผลิตแต่อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็น LOW TECH เท่านั้น ส่วน HIGH TECH ยังต้องนำเข้าอยู่ ผมมองว่ารัฐบาลน่าจะส่งเสริมธุรกิจนี้ โดยให้ BOI ออกมาตรการส่งเสริมให้บริษัทข้ามชาติต่างๆ มาลงทุน ทำโรงงานผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์เหล่านี้ เพราะว่าเราเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์อยู่แล้ว รวมทั้งเรามีฐานการผลิตในด้านต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว ในเมื่อ ฐานประชากรรวมของประเทศในกลุ่ม ASEAN มีมากกว่า 652 ล้านคน(ตัวเลขจาก http://www.worldometers.info/world-population/south-eastern-asia-population/) นับเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและอินเดียเท่านั้น และอำนาจในการซื้อของคนใน ASEAN ก็สูงกว่าคนอินเดีย สิ่งที่ควรจะบังคับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ก็คือต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตให้กับเราด้วย อย่าให้เหมือนกับธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่เราได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีน้อยมาก ดูอย่างจีนสิครับ จีนสามารถที่จะบังคับ SIEMENS ให้ถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตรถไฟความเร็วสูง จนปัจจุบันจีนสามารถที่จะผลิตรถไฟดังกล่าวได้เองแล้ว

เนื้อที่หมดแล้วมาต่อธุรกิจ Health Care ตัวต่อไปตัวต่อไปในบทความหน้ากันนะครับ


กิติชัย เตชะงามเลิศ


     18/6/61


อ่าน  Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 1 ได้ที่  http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/health-care-mega-trend-1.html

        Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 2 ได้ที่  http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/health-care-mega-trend-2.html

        Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 3 ได้ที่  http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/health-care-mega-trend-3.html

        Health care กับ Mega Trend ตอนที่ 4 ได้ที่  http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/health-care-mega-trend-4.html

        Health care กับ Mega Trend ตอนจบ ได้ที่  http://kitichai1.blogspot.com/2018/06/health-care-mega-trend.html


          ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยเอาเม้าส์ไปทางด้านขวามือจะมีแถบแสดงออกมา แล้วเลือกคลิกไอคอนที่เขียนว่าสมัครรับข้อมูล เมื่อผมมีบทความใหม่ ท่านก็จะทราบทันที

  
      ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจหน้า 15 เดือนละครั้ง ในคอลัมน์ “จับช่องลงทุน” 
              3.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส

ขายดาวน์ ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knight Bridge Prime Sathorn 5 ยูนิต DUPLEX ชั้นสูง ห้องมุมสุดสวย ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 8 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี


        5 Duplex ยูนิตที่จะขายดาวน์ ชั้น 31-38 ขนาด 37-58 ตรม. ทุกยูนิตเป็นห้องมุม วิวสุดยอด ได้โปร Fully Furnished ราคาเพียง 5.40-7.60 ล้านบาท(ราคา/ตรม. ประมาณ 130,000 -140,000)




CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai

Knight Bridge Prime Sathorn, 5 best high floor corner duplex units, 8 minutes walk from BTS Chongnonsi.

       5 Duplex units on 31st38th fl., 37-58 sqm. All r corner units, superb view, with Fully Furnished, only 5.40-7.60 million baht(130,000 -140,000 Baht/Sqm.)




CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น