จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 4)

                         รัฐควรช่วยคนจนที่ขยัน(ตอนที่ 4)



              ผมได้ท้าวความถึงรากเหง้าของปัญหาของความยากจนและความเหลื่อมล้ำของสังคมไปในบทความ 3 ตอนที่แล้ว บทความนี้จะเข้าถึงระบบภาษีที่จะมาแก้ปัญหาดังกล่าวกันเสียที นั่นคือ Negative Income Tax(NIT) เสียทีครับ

             NIT ไม่ได้เป็นโครงการสวัสดิการ แต่เป็นโครงการที่ต้องทำงานเพื่อจะได้เงินอุดหนุนจากรัฐ นั่นคือรัฐจะไม่ส่งเสริมคนจนที่ขี้เกียจ  ที่เอาแต่คอยรับการช่วยเหลือจากรัฐ โดยไม่ดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองเลย แต่ NIT จะสร้างแรงจูงใจให้คนยากจนขวนขวายหารายได้ เพื่อจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ NIT ในบางประเทศใช้คำว่าเครดิตภาษี(Tax credit) บางประเทศใช้คำว่าผลประโยชน์ทางภาษี(Tax benefit) บางประเทศใช้คำว่าเงินเสริมรายได้(Income supplement) สำหรับประเทศไทย ผมคิดว่าควรจะเรียกเงินอุดหนุนจากรัฐดังกล่าวว่า"เบี้ยขยัน" ซึ่งจะให้เกิดความคิดในแง่บวก เป็นการทำให้คนจนเหล่านั้นรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนเองเป็นคนขยันหมั่นเพียร ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของสังคม ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนที่อยู่นอกระบบภาษี เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพื่อจะได้รับเบี้ยขยันดังกล่าว ทั้งนี้รัฐยังสามารถที่จะเข้าถึงคนจนตัวจริงอย่างแท้จริง ลดปัญหาคอรัปชั่นได้เป็นอย่างดี

        รูปแบบ NIT ที่ประเทศไทยควรจะนำมาดัดแปลงใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจของไทย  ควรจะมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

1. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเบี้ยขยัน ซึ่งควรจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

      1.1 ต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 19 ปีขึ้นไป โดยไม่กำหนดกรอบบนของช่วงอายุ และต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น

      1.2  ต้องเป็นผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ต่อกรมสรรพากรเท่านั้น เพื่อที่รัฐจะได้ตรวจสอบความถูกต้องของรายได้ และรายได้ดังกล่าวจะต้องเป็นรายได้ที่เกิดจากการทำงาน ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อปี(สมมุติว่าทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน 1 ปีมี 52 สัปดาห์ หักวันหยุดนักขัตฤกษ์ เหลือวันทำงานจริงประมาณ 300 วัน ตกรายได้วันละประมาณ 67 บาท) ไม่รวมรายได้ที่เป็น Passive Income เช่น ค่าเช่า ลิขสิทธิ์ เป็นต้น  ถ้าบุคคลใดที่มีรายได้ที่เป็น Passive Income ด้งกล่าวมากกว่า 3,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ที่เป็นดอกเบี้ยมากกว่า 1,500 บาทต่อปี ซึ่งหมายถึงว่าบุคคลผู้นั้น มีเงินฝากกับธนาคารประมาณ 100,000 บาท เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันที่ 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ถือว่าบุคคลนั้นไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเบี้ยขยัน จากข้อมูล Big Data เหล่านี้สามารถทำให้รัฐต่อยอดไปใช้ในการออกแบบระบบความช่วยเหลือของรัฐต่อคนจนเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมและทั่วถึง




2. กำหนดเบี้ยขยันโดยให้มีความสัมพันธ์กับจำนวนบุตรและอายุบุตร โดยคนที่มีจำนวนบุตรมากและหรือบุตรที่ยังอยู่ในช่วงอายุที่จะต้องเข้ารับการศึกษาเพื่อจะได้เบี้ยขยันในอัตราที่สูงกว่าคนโสด

3. คนที่มีความพิการควรจะได้รับเบี้ยขยันในอัตราที่สูงกว่าคนที่มีร่างกายปกติ

4. คนที่มีการครอบครองที่ดินและหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ขึ้นไป ไม่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยขยัน

5. จังหวัดที่มีภาวะค่าครองชีพสูงอย่างเช่น กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น ควรจะได้รับเบี้ยขยันในสัดส่วนที่สูงกว่าคนในจังหวัดอื่น ที่มีภาวะค่าครองชีพต่ำกว่า

6. กำหนดช่วงรายได้ออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรกที่มีรายได้ต่ำ ให้มีอัตราเงินเบี้ยขยันอยู่ในอัตราที่เร่งตัวขึ้น ในขณะที่ช่วงหลังที่เริ่มมีรายได้สูงขึ้นแล้ว ก็ให้มีอัตราเงินเบี้ยขยันอยู่ในอัตราที่ถดถอย ดังตัวอย่างที่ 1 ข้างล่างนี้



หมายเหตุ:

*1. กำหนดให้อัตราเงินเบี้ยขยัน = 25% 

*2. ช่วงรายได้ระหว่าง 20,000-40,000 เป็นช่วงที่ถือว่าเป็นรายได้ต่ำ จึงให้มีอัตราเงินเบี้ยขยันอยู่ในอัตราที่เร่งตัวขึ้น กำหนดให้ทุก 1 บาทที่หาได้จะได้รับเบี้ยขยันเพิ่มขึ้น 0.25 บาท ส่วนช่วงรายได้ตั้งแต่ 50,000-80,000 บาทต่อปี ถือว่าเป็นช่วงที่เริ่มมีรายได้สูงขึ้นแล้ว จึงให้อัตราเงินเบี้ยขยันอยู่ในอัตราที่ถดถอย โดยกำหนดให้ทุก 1 บาทที่เพิ่มขึ้น จะได้รับเบี้ยขยันลดลง 0.25 บาท จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 80,000 บาทขึ้นไปจะไม่ได้รับเงินเบี้ยขยัน เพราะว่าปัจจุบันนี้อัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อวัน ซึ่งถ้าทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน 1 ปีมี 52 สัปดาห์ หักวันหยุดนักขัตฤกษ์ เหลือวันทำงานจริงประมาณ 300 วัน ตกรายได้ปีละประมาณ 90,000 บาท

กิติชัย เตชะงามเลิศ

    7/2/62
  ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ


ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่

 Instagram : https://www.instagram.com/gid_kitichai/
 Blog : http://kitichai1.blogspot.com
  

      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส





IDEO Verve ราชปรารภ ห้องสวย วิวสวย เฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน ติดแอร์พอร์ทลิงค์ราชปรารภ เพียง 60 เมตร และห่างจากตลาดประตูน้ำเพียง 500 เมตร






ห้องที่จะขายและให้เช่า

      ชั้น 24 พื้นที่ 49.50 ตรม. 2 นอน 1 น้ำ ห้องสวย วิวสวย เฟอร์นิเจอร์ครบถ้วน มี ผ้าม่าน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน แอร์ 3 ตัว ตู้เย็น 14.9 คิว เครื่องซักผ้าฝาหน้า Digital TV 49 และ 32 นิ้ว เครื่องทำน้ำร้อน และ Microwave ขายในราคา 5,800,000 บาท ปล่อยเช่า 23,000 บาท/เดือน
สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและวีดีโอทั้งหมดของ IDEO Verve ราชปรารภ ได้ที่ https://www.dropbox.com/sh/xaa5a4hsso6o1ft/AADO2gWro2v2eEW6B87q3z4ja?dl=0


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น