จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เส้นทางชีวิต 19 ยาจกที่กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน$


เส้นทางชีวิต 19 ยาจกที่กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน$



ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง
หลายคนที่เริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลย
“จากยาจกกลายเป็นมหาเศรษฐี” อาจเป็นถ้อยคำที่มักได้ยินบ่อยๆ จนเฝือ แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงสำหรับชีวิตมหาเศรษฐีพันล้านหลายๆ คน
                           
   ด้วยความพากเพียรและความอุตสาหะเป็นเลิศ ทำให้บุคคลคนเหล่านี้ แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่พวกเขาก็เอาชนะมันและประสบความสำเร็จ ผันตนเองจากคนจนๆ กลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในท้ายสุด ดังเช่นชีวิตของเศรษฐีพันล้าน 19 คนนี้

1.Guy Lalibertè นักแสดงโชว์กินไฟ ก่อนจะเป็นผู้ก่อตั้งคณะแสดงกายกรรมระดับโลกชื่อ Cirque du Soleil
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 1.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ





   ในช่วงเริ่มต้นอาชีพการทำงาน  Lalibertè เป็นนักแสดงชาวแคนาดาในคณะละครสัตว์  เขายืนบนไม้ค้ำ เล่นแอคคอร์เดียน และโชว์การกินไฟ
   ในรายงาน Business Insider กล่าวว่า หลังจากนั้นต่อมา เขาได้บินจาก Quebec ไปยัง Los Angeles พร้อมกับคณะละครสัตว์ โดยไม่ได้ซื้อตั๋วบินกลับ  ต่อมาได้กลายเป็นคณะแสดงกายกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง Cirque du Soleil  โดยที่มีเขาเป็น CEO


2.Kenny Troutt ใช้เงินจากการขายประกันชีวิต ส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นผู้ก่อตั้ง Excel Communications
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
 ภาพ Kenny Troutt จาก Forbes Magazine
   พ่อของ Troutt เป็นบาร์เทนเดอร์และเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก  Troutt ขายประกันชีวิตและนำเงินที่ได้มาจ่ายค่าเล่าเรียนใน Southern Illinois University รายได้ส่วนใหญ่ที่เขาหาได้มาจากบริษัทโทรศัพท์ชื่อ Excel Communications ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งในปี 1988 และได้กลายเป็นบริษัทมหาชนในปี 1996   สองปีหลังจากนั้น Troutt ได้ควบรวมบริษัทของเขากับ Teleglobe มีมูลค่าของการควบรวมกิจการอยู่ที่3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
   ปัจจุบันเขาได้เกษียณและทุ่มลงทุนในม้าแข่ง


3. Mohed Altrad จากผู้อยู่รอดด้วยอาหาร 1 มื้อ เมื่อตอนที่เขาย้ายไปยังฝรั่งเศสใหม่ๆ กลายเป็นผู้ประกอบการดีเด่นแห่งปี และ ประธานคลับรักบื้ที่มีชื่อว่า Montpellier
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Altrad เกิดในเผ่าเร่ร่อน ในทะเลทรายของประเทศซีเรีย แม่ของเขาถูกพ่อข่มขืนและเสียชีวิตลงเมื่อเขายังหนุ่ม โดยมีย่าเป็นผู้เลี้ยงดูเขา ต่อมาเมื่อเขาโตขึ้น เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าเรียนในโรงเรียนในเมือง Raqqa(เมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางของกลุ่ม ISIS ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ดี Altrad ดิ้นรนเข้าโรงเรียนและได้ย้ายไปฝรั่งเศสเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แม้ว่าขณะนั้นเขาไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสเลยก็ตาม และดำรงชีวิตด้วยอาหารมื้อเดียวในแต่ละวัน
  แต่ถึงกระนั้น เขาก็สามารถเรียนจบปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และทำงานในบริษัทชั้นนำในฝรั่งเศส ต่อมาเขาได้ซื้อต่อบริษัททำนั่งร้านที่ขณะนั้นกิจการกำลังย่ำแย่มาบริหาร และยกระดับจนกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตนั่งร้านและเครื่องผสมปูนชั้นนำของโลกที่ชื่อว่า “Altrad Group
  เขาเคยได้รับเลือกให้เป็นผู้ประกอบการดีเด่นแห่งปีของฝรั่งเศสและของโลก

4.Oprah Winfrey เกิดในครอบครัวยากจน และได้กลายเป็นผู้สื่อข่าวรายการทีวีอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน
คนแรกใน Nashville และเป็นพิธีกรที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของโลก
มูลค่าทรัพย์สินรวม: 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ



   Winfrey เกิดในครอบครัวยากจนใน Mississippi แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอท้อถอย เธอได้รับเลือกให้รับทุนการศึกษาจาก Tennessee State University และกลายเป็นผู้สื่อข่าวรายการทีวีอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของรัฐเมื่ออายุเพียง 19 ปี
   ในปี 1983 เธอได้ย้ายไป Chicago เพื่อทำงานเป็นพิธีกรในรายการทอร์คโชว์ที่มีชื่อเรียกรายการภายหลังว่า “The Oprah Winfrey Show 

5. Howard Schultz ผู้ที่เติบโตมาในบ้านอนาถา แต่ปัจจุบันกลายเป็นประธาน Starbucks ร้านกาแฟที่มีสาขาเครือข่ายมากที่สุดในโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Schultz เคยให้สัมภาษณ์กับ The Mirror ว่า “ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าผมเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในฟากหนึ่งของเมืองที่ยากจนและเต็มไปด้วยอันตราย  ในขณะที่คนที่อาศัยอยู่อีกฟากหนึ่ง มีทั้งทรัพยากร, เงิน และ ครอบครัวที่มีความสุขมากกว่า  และด้วยเหตุผลบางประการซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไมและอย่างไร ผมต้องการที่จะปีนข้ามฝั่งไปยังฟากนั้น และประสบความสำเร็จในเรื่องที่คนทั่วไปเห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ณ ตอนนี้แม้ผมอาจจะสวมสูทและผูกเนคไทแต่ผมรู้ตัวดีเสมอว่าผมเกิดและเติบโตมาจากไหนและรู้ว่าชีวิตแบบนั้นเป็นยังไง”
   Schultz ได้รับทุนการศึกษานักฟุตบอลของ University of Northern Michigan และทำงานกับ บริษัท Xerox หลังจากจบการศึกษา หลังจากนั้นไม่นานเขารับช่วงซื้อต่อกิจการขายกาแฟที่ชื่อว่า “Starbucks” ซึ่งขณะนั้นมีเพียง 60 สาขา  ต่อมาในปี 1987 เขาได้กลายเป็น CEO ของบริษัท และขยายสาขาร้านกาแฟเพิ่มจากเดิมมาเป็นมากกว่า 16,000 แห่งทั่วโลก

6. Do Won Chang จากภารโรง เด็กปั๊มน้ำมัน และพนักงานในคอฟฟี่ช็อป เมื่อสมัยที่เขาย้ายมาอเมริกาใหม่ๆ กลายเป็นผู้ก่อตั้ง Forever 21 ร้านขายเสื้อผ้าที่รวมแบรนด์ชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Do Won Chang และ Jin Sook ทีมคู่สามีภรรยา คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ Forever 21 แต่ความสำเร็จนั้นไม่ได้มาโดยง่าย   ตอนที่ย้ายจากเกาหลีมาอเมริกาในปี 1981 Do won ต้องทำงาน 3 อย่างในเวลาเดียวกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ในปี 1984 พวกเขาเริ่มเปิดร้านขายเสื้อผ้า Forever 21 และต่อมาได้ขยายสาขาถึง 790 แห่งทั่วโลก

7.Ken Langone จากการมีพ่อทำงานเป็นช่างประปา และ แม่เป็นคนงานในโรงอาหาร ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Home Depot ห้างที่เป็น Chain Store ที่ขายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอม Bucknell University ของตัวเขา  Langone ต้องรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ หลายงาน ในขณะที่พ่อกับแม่ของเขาต้องนำบ้านไปจำนอง
   ในปี 1968 Langone ทำงานร่วมกับ Ross Perot เพื่อนำบริษัท Electronic Data Systems เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (ซึ่งบริษัทนี้ภายหลัง บริษัท HP ได้ซื้อไป)  หลังจากนั้นอีก 2 ปี เขาร่วมหุ้นกับ Bernard Marcus ในการก่อตั้งบริษัท Home Depot และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1981

8. John Paul DeJoria ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยในบ้านสงเคราะห์ของรัฐ และอาศัยรถเป็นบ้าน กลายเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรผลิตภัณฑ์ดูแลผม John Paul Mitchell  และธุรกิจน้ำเมา Patron Tequila
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

      





   ก่อนอายุจะครบ 10 ขวบ  DeJoria ซึ่งเป็นชาวอเมริกันรุ่นแรกๆ เลี้ยงดูครอบครัวด้วยเงินจากการขายการ์ดคริสต์มาส
และหนังสือพิมพ์  เขาได้ถูกส่งตัวไปอาศัยอยู่ที่บ้านสงเคราะห์ของรัฐ และบางช่วงใช้เวลาอยู่กับแก๊งอันธพาล ก่อนจะไปเป็นทหารร่วมกับกองทัพ
   Dejoria ใช้เงินกู้ 700 เหรียญสหรัฐในการสร้างธุรกิจ John Paul Mitchell  ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม   เขาเดินขายแชมพูตามบ้านและอาศัยรถเป็นบ้าน  ต่อมาเขาได้เริ่มธุรกิจขายน้ำเมา Patron Tequila และปัจจุบันได้ลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย

9.Ralph Lauren ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำงานเป็นเสมียนใน Brooks Brothers และฝันอยากทำเนคไท กลายเป็นเจ้าของร้าน chain Store ที่ขายเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำของโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


   Lauren จบมัธยมศึกษาใน Bronx. New York แต่ได้เลิกเรียนกลางคันเพื่อไปเป็นทหาร ต่อมาในขณะที่เขาทำงานเป็นเสมียนที่ Brooks Brothers Lauren เขาเริ่มคิดฝันจะผลิตเนคไทสำหรับผู้ชายที่มีรูปแบบหลากหลายและสีสันที่สดใส ในปี1967 เขาก็ทำความฝันให้เป็นจริง เขาสามารถขายเนคไทได้ถึง 5 แสนดอลลาร์ และเริ่มสร้างแบรนด์ Polo ในอีก 1 ปีต่อมาหลังจากนั้น

10. Shahid Khan ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยหาเงินด้วยการรับจ้างล้างจานด้วยค่าแรง 1.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อชม. ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา รวมทั้งเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล และทีมสโมสรฟุตบอล
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 7.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

7

   ปัจจุบัน Khan เป็นบุคคลที่รวยที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่เมื่อครั้งที่เขาพึ่งย้ายจากปากีสถานมาอเมริกา เขารับจ้างล้างจานขณะเรียนอยู่ที่ The University of Illinois ปัจจุบัน Khan เป็นเจ้าของบริษัท Flex-N-Gate ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา รวมทั้งเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล Jacksonville Jaguars และทีมสโมสรฟุตบอล Fulham

11. George Soros ผู้ที่ในวัยเด็กรอดชีวิตจากการครอบครองฮังการีของนาซี และมาอยู่ลอนดอนในฐานะนักศึกษายากจน ต่อมากลายเป็นเจ้าพ่อนักเล่นหุ้นระดับตำนานและเป็นผู้ทุบเงินปอนด์ของอังกฤษ
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

s

   ในสมัยที่เขายังเป็นวัยรุ่น Soros ต้องตบตาว่าเป็นบุตรอุปภัมถ์ของลูกจ้างคนหนึ่งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของฮังการีเพื่อให้ปลอดภัยจากการเข้าครอบครองฮังการีจากนาซี  ในปี  1947 Soros หนีจากประเทศไปอาศัยกับญาติที่ลอนดอน เขาส่งตัวเองเรียนที่ London School of Economics โดยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟและพนักงานขนกระเป๋าของการรถไฟ
   หลังจากจบการศึกษา Soros ทำงานในร้านขายของที่ระลึก ก่อนจะได้งานเป็นพนักงานธนาคารในนิวยอร์ค  ในปี 1992 การโจมตีสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษทำรายได้ให้กับเขาหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ



12. Jan Koum จากอดีตผู้อพยพจากประเทศยูเครน กลายเป็นผู้ก่อตั้ง WhatsApp
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Koum เกิดใน Kyiv ประเทศยูเครน เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี เขาย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนียพร้อมกับแม่ และอาศัยในอพาร์ทเม้นท์ผ่านการช่วยเหลือของรัฐบาล  เขารับจ้างเก็บกวาดพื้นในร้านค้าแห่งหนึ่งเพื่อนำเงินมาใช้ในการดำรงชีวิต
   ในหนังสือพิมพ์ The Independent กล่าวว่า Koum ได้เรียนรู้ทักษะทางคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเขาเอง ในปี 2009 เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp ซึ่งให้บริการส่งข้อความทางมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต่อมาปี 2014 Facebook ได้ซื้อธุรกิจนี้ไปในมูลค่า 22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

13. Roman Abramovich จากเด็กกำพร้าในครอบครัวที่ยากจนชาวรัสเซีย กลายเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และเจ้าของ Chelsea Football Club
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 11.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Abramovich เกิดในตอนใต้ของรัสเซีย ในครอบครัวยากจน เมื่อเขาอายุได้ 2 ขวบ เขากลายเป็นเด็กกำพร้า ลุงและครอบครัวของลุงได้รับเขาไปเลี้ยงในเขตหนาวเย็นทางตอนเหนือของรัสเซีย
   ในปี 1987 ขณะที่ยังศึกษาในสถาบัน Moscow Auto Transport เขาเริ่มก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ผลิตของเล่นที่ทำจากพลาสติก และธุรกิจนี้เองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมันและทำธุรกิจน้ำมัน  หลังจากนั้นในฐานะเจ้าของบริษัท Sibneft เพียงคนเดียว เขาได้ประสบผลสำเร็จในการควบรวมธุรกิจ และส่งผลให้บริษัท Sibneft กลายเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งในเวลาต่อมาบริษัทถูกขายต่อให้กับ Gazprom ซึ่งเป็นกิจการของรัฐบาลในปี 2005 ในราคา 13 พันล้านเหรียญสหรัฐ
   Abramovich ได้ซื้อ Chelsea Football Club ในปี 2003 และเป็นเจ้าของเรือยอร์ชที่ใหญ่ที่สุดในโลกมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2010 ต่อมาเขาเป็นสหายสนิทของประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin

14. Lakshmi Mittal จากจุดกำเนิดที่ต่ำต้อยสู่ผู้ประกอบการเหล็กขนาดใหญ่ของอินเดียและของโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 18.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


   ในบทความของ BBC ปี 2009 ได้กล่าวถึง Mittal ผู้ที่เป็น CEO และประธานบริษัท Arcelor Mittal ว่าเขาเกิดในปี 1950 ในครอบครัวยากจนในรัฐ Rajasthan  เขาได้วางรากฐานธุรกิจเหล็กมากว่า 2 ทศวรรษจนถึงปัจจุบัน Mittal ดำเนินกิจการผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัวเขาได้กลายเป็นมหาเศรษฐีหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

15. Leonardo Del Vecchio จากเด็กกำพร้าที่ต้องทำงานในโรงงานและสูญเสียบางส่วนของนิ้วมือ กลายเป็นผู้ผลิตแว่นตากันแดดและแว่นสายตาแบรนด์ดังๆระดับโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 22.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

   Del Vecchio เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้า 5 คนที่ถูกส่งตัวไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนเด็ก เพราะแม่ของเขาที่เป็นแม่ม่ายไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้ ต่อมาเมื่อเขาโตขึ้น เขาได้ทำงานในโรงงานสร้างแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ และกรอบแว่นตา เมื่อเขาอายุได้ 23 ปีเขาเปิดร้านทำแม่พิมพ์ ซึ่งต่อมาได้ขยายกิจการเป็นผู้ผลิตแว่นตากันแดดและแว่นสายตาแบรนด์ดังๆระดับโลกเช่น Ray-Ban และ Oakley เป็นต้น

16. Francois Pinault ผู้ที่ออกจากโรงเรียนมัธยมเพื่อหนีจากการถูกข่มเหงเพียงเพราะเป็นเด็กยากจน ปัจจุบันกลายเจ้าพ่อสินค้าแฟชั่นหรูหราระดับสูง
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 33.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


   ปัจจุบัน Pinault ดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของกลุ่มบริษัทในเครือแฟชั่น Kering(ก่อนหน้านี้มีชื่อว่า PPR) แต่ก่อนหน้านี้ในปี 1974  เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะถูกรังแกบ่อยๆ เหตุเพราะเป็นเด็กยากจน  ปัจจุบันในฐานะนักธุรกิจ Pinault ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีกลยุทธ์นักล่า เขาซื้อกิจการเล็กๆ หลายแห่งโดยใช้เม็ดเงินที่ต่ำในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ และเป็นผู้ริเริ่มกลุ่มธุรกิจ PPR ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชั่นหรูหราระดับสูง เช่น Gucci, Stella, McCartney, Alexander McQueen และ Yves Saint Laurent ล่าสุดเขาได้เป็นเจ้าของ Christies ซึ่งเป็นธุรกิจประมูลงานศิลปะชั้นสูงระดับโลก

17. Li Ka-Shing หลังจากพ่อเสีย เขาต้องหยุดเรียนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ปัจจุบันกลายเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของฮ่องกง
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 34.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


            
   ในช่วงทศวรรษ 1940 Li Ka-Shing  ต้องอพยพจากบ้านเกิดในจีนไปฮ่องกง ต่อมาเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตลง ช่วงที่เขาอายุ 15 ปี เขาต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัวแทนบิดา   ในปี 1950 เขาเริ่มธุรกิจที่เป็นของเขาเองที่ชื่อว่า Cheung Kong Industries ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาสติกในตอนแรก และต่อมาได้ขยายกิจการไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์



18. Sheldon Adelson จากลูกชายคนขับรถแท็กซี่ที่ต้องหยุดเรียนในวิทยาลัยกลางคัน และอาศัยนอนในห้องเช่าถูกๆใน Boston กลายเป็นเจ้าของธุรกิจคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 40.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


   Adelson ลูกชายคนขับรถแท็กซี่ เติบโตที่เมือง Dorchester, Massachusetts เขาเริ่มขายหนังสือพิมพ์เมื่ออายุได้ 12 ปี (จากนิตยสาร Bloomberg)
   ประวัติของมหาเศรษฐีพันล้านในนิตยสาร Forbes กล่าวถึงเขาว่า   ในอีกหลายปีต่อมา หลังจากต้องหยุดเรียนที่ City College of New York Adelson เขาสร้างตัวจากตู้หยอดเหรียญ, ขายโฆษณาในหนังสือพิมพ์, ช่วยธุรกิจขนาดเล็กเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์, พัฒนาคอนโด และเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าในงานต่างๆ
   ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ เขาสูญเงินเกือบทั้งหมดของเขา แต่เขาก็สามารถหาเงินเกือบทั้งหมดที่สูญไปกลับคืนมาได้ในหลายๆ ปีต่อมาหลังจากนั้น  ปัจจุบันเขาดำเนินธุรกิจ Las Vegas Sand ที่เป็นคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และถือได้ว่าเป็นผู้มีชื่อระดับแนวหน้าในการเป็นผู้บริจาคเงินสนับสนุนทางการเมืองของอเมริกา

19. Larry Ellison ถูกเลี้ยงดูโดยป้าและลุงของเขา  และต้องลาออกจากวิทยาลัยหลังจากที่ป้าของเขาเสียชีวิต ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มูลค่าสินทรัพย์รวม: 55.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


   Ellison เกิดในเขตบรู๊คลีน รัฐนิวยอร์ค โดยแม่เป็นผู้เลี้ยงดูเขาคนเดียว หลังจากแม่ของเขาเสียชีวิต ป้าและลุงใน Chicago จึงรับเขาไปเลี้ยงดู ต่อมาป้าก็เสียชีวิตไปอีกคน เขาจึงต้องหยุดเรียนที่วิทยาลัย และย้ายไปอยู่ที่ California และทำงานเล็กๆ น้อยๆ เป็นเวลาถึง 8 ปี
   ในปี 1977 เขาได้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ชื่อว่า Oracle ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งเป็น CTO ของ Oracle

      ผมหวังเป็นอย่างยิ่งนะครับว่า บทความนี้จะช่วยสร้างขวัญ พลัง และกำลังใจให้กับผู้อ่านทุกท่าน ให้มีมานะ อดทน และต่อสู้อุปสรรคต่างๆที่มาขวางกั้น ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งความสำเร็จของท่านคงจะต้องมาถึงอย่างแน่นอนครับ

       http://www.businessinsider.com/billionaires-who-came-from-nothing
โดย Vivian Giang, Jacquelyn Smith และ Drake Baer

กิติชัย เตชะงามเลิศ


    23/8/61

อ่าน ฝากเงินที่ไหนได้ดอกเบี้ยสูงสุด(ตอนที่ 1) ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/07/1.html


          ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส


คอนโดแอสปาย สาธร-ราชพฤกษ์ Aspire Sathorn-Rajpruekขายดาวน์ 6 ยูนิตสุดสวย ราคาพิเศษ 1 ก้าวจาก SKY WALKรถไฟฟ้าบางหว้า และรถไฟฟ้า MRT (เป็นสถานีINTERCHANGE)


        
        ห้องที่จะขายดาวน์(คาดว่าจะแล้วเสร็จ กย. 2561) ขนาด 26 ตรม. แบบ STUDIO ห้องหันไปทางทิศใต้ รับลมตลอดทั้งปี ราคา 2,000,000 บาท



       Aspire Sathorn-Rajpruek, 1 step from BTS Bangwah & MRT, the best 6 units for sales.



Down Payment sales Studio type, 26 sqm., the balcony facing south, only 2 million baht.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น