จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร

จาก1ล้านเป็น500ล้านผมทำอย่างไร
เล่าประสบการณ์การลงทุนของผมที่นำไปใช้ได้ง่ายๆ

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 4 )

                                       การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 4 )




           เรามาต่อ indicator ตัวถัดไปครับ

             2.MACD (MOVING AVERAGE CONVERGENCE DIVERGENCE)  INDICATOR ตัวนี้เป็นตัวที่ดูไม่ยาก เพราะว่า ประกอบด้วยเส้น 2 เส้นเท่าน้น โดยเส้นแรกคือ เส้น MACD ส่วนเส้นที่ 2 คือ เส้นสัญญาน เมื่อเส้น MACD ตัดเส้นสัญญานขึ้นเหนือแกนศูนย์ นั้นคือสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะ BULLISH ในทำนองกลับกัน ถ้าเส้น MACD ตัดเส้นสัญญานลง ที่เหนือแกนศูนย์ แสดงว่าภาวะ BEARISH มาแล้ว ยิ่งการตัดกันอยู่ใกล้กับแกนศูนย์ ความน่าเชื่อถือของสัญญาณที่เกิดขึ้นจะมีความแม่นยำมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการตัดขึ้นหรือตัดลงก็ตาม แต่ถ้าเป็นการตัดกันใต้เส้นศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดขึ้นหรือตัดลงก็ตาม จากประสบการณ์ของผมบอกว่าความแม่นยำมีน้อย

             เช่นเดียวกัน เวลาดู MACD ผมก็ดูทั้งรายวัน สัปดาห์ และรายเดือน เพราะว่าจะทำให้เห็นภาพทั้งระยะสั้น กลาง ยาว โดยปกติผมจะเริ่มดูจากเส้นรายเดือนก่อน เพื่อที่จะดูภาพระยะยาว ถ้าระยะยาวบอกว่าดี ด็มาดูระยะกลางต่อ แล้วตามด้วยระยะสั้น ถ้าสั้น กลาง ยาว เส้น MACD ตัดเส้นสัญญาณขึ้นในระดับเหนือเส้นศูนย์ แล้วเส้นระยะสั้นพึ่งจะตัดขึ้นด้วย ยิ่งดีใหญ่เลย แสดงว่าหุ้นตัวนี้เพิ่งส่งสัญญาณซื้อในระยะสั้น  อย่างนี้คงต้องรีบลุยกันเลย บางทีท่านอาจจะมีคำถามว่า แล้วจะตั้งค่า MACD และเว้นสัญญาณเท่าใดจึงจะดี จากที่ผมเคยใช้เป็นประจำคือใช้ตามค่า DEFAULT ที่ APPLICATION ตั้งค่าไว้

               3.RSI ( RELETIVE STRENGTH INDEX ) เป็นตัวที่บอกว่าราคาหุ้นตัวนั้นๆ OVERBOUGH หรือ OVERSOLD โดยปกติถ้าเส้น RSI ลงมาต่ำกว่า 30 แสดงว่าหุ้นตัวนั้นอยู่ในภาวะ OVERSOLD ในทางกลับกัน ถ้าเส้น RSI อยู่สูงกว่า 70 ก็แสดงว่าหุ้นตัวนั้นอยู่ในภาวะ OVERBOUGHT แต่จากประสบการณ์ของผมบอกว่า ถ้าท่านยึดติดตัวเลข 30 และ 70 ก็มีโอกาสซื้อแพงขายหมูได้ตามลำดับ ดังนั้นทางที่ดีก็ควรดูอดีตของค่า RSI สำหรับหุ้นตัวนั้นๆว่าเคยลงไปต่ำสุดและขึ้นไปสูงสุดแค่ไหน แล้วสามารถอยู่ในระดับนั้นๆได้กี่วัน เพื่อเลี่ยงการซื้อแพงและขายหมู และโดยปกติผมจะใช้ RSI 14 วันเป็นหลัก นอกจากนั้นผมยังสร้างเส้นค่าเฉลี่ยแบบ EXPONENTIAL 7 วัน โดยเมื่อ RSI ตัดทะลุเส้นค่าเฉลี่ยขึ้นไป เป็นการแสดงสัญญาณที่ดี ในขณะที่เมื่อเส้น RSI ตัดเส้นค่าเฉลี่ยลง ก็เป็นแนวโน้มที่ไม่ดีและอย่าลืมดูทั้งรายวัน สัปดาห์ และรายเดือน เพื่อดูทั้ง ระยะสั้น กลาง และยาว 

               4. DMI ( DIRECTIONAL MOVEMENT INDEX ) ซึ่งเป็นตัวที่บอกแนวโน้มว่าในขณะนั้นๆ หุ้นตัวนี้อยู่ในแนวโน้ม ขึ้น ลง หรือ SIDEWAY โดย INDICATOR ตัวนี้ประกอบด้วยเส้นชี้วัด 3 เส้นคือ


                              4.1 เส้น DI+ ( DIRECTIONAL INDICATOR + ) เมื่อไรก็ตามที่เส้น DI+ อยู่เหนือเส้น DI- เมื่อนั้นหุ้นดังกล่าวมีแนวโน้มขึ้น

                              4.2 เส้น DI - ( DIRECTIONAL INDICATOR - ) เมื่อไรก็ตามที่เส้น DI- อยู่เหนือเส้น DI+ เมื่อนั้นหุ้นดังกล่างมีแนวโน้มลง

                              4.3 เส้น ADX ( AVERAGE DIRECTIONAL INDEX ) เป็นตัวตอกย้ำความมั่นใจของแนวโน้มขึ้นหรือลง โดยถ้าเส้น ADX ขึ้นมากกว่า 25 ( บางครั้งผมก็ใช้ค่าระหว่าง 20-25 โดยดูจากในอดีตว่าค่าไหนมีความแม่นยำ และให้สัญญาณที่รวดเร็วและดีที่สุด) อย่างเช่นช่วงที่ DI+ ตัด DI- ขึ้นไปแล้วเส้น ADX ไต่ระดับขึ้นไป โดยมีค่าเกิน 25 และยังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ  ยิ่งตอกย้ำความมั่นใจในการขึ้นของหุ้นตัวนั้น ในทางกลับกันถ้าเส้น DI- ตัดเส้นตัดส้น DI+ ขึ้นไป และเส้น ADX ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆจนเกิน 25 และยังไต่ระดับขึ้นไปต่ออีก หมายความว่าหุ้นตั้วนั้นอยู่ในขาลงค่อนข้างแน่นอน

           ซึ่งก็อีกเช่นเคย ผมใช่ DMI 3 เส้นนี้ ดูทั้งระดับ รายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน เช่นกัน เพื่อที่จะเห็นภาพที่ชัดเจนทั้งระยะสั้น กลาง และยาว

               5.BOLLINGER BAND ซึ่งประกอบด้วยเส้น 3 เส้นคือ เส้น UPPER BAND,  LOWER BAND และเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งปกติจะใช้ 20 วัน โดยเล้น UPER BAND และเส้น LOWER BAND จะสร้างกรอบของราคาที่มีระยะห่างจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงกลาง ซึ่งระยะห่างของทั้งเส้น UPPER BAND และเส้น LOWER BAND จากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะเท่ากับ 2 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( STANDARD DEVIATION ) ในช่วงที่หุ้นตัวนี้มีราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระยะห่างของเส้น UPPER BAND และเส้น LOWER BAND จะน้อยมาก และเมื่อใดก็ตามที่ระยะห่างระหว่างเส้น UPPER BAND และเส้น LOWER BAND บีบตัวเข้าหากันจนแคบมากๆ นั่นหมายถึงการพร้อมที่จะมีการระเบิดของราคาหุ้นในระยะเวลาใกล้ๆแล้ว โดยที่จะมีการระเบิดของราคาขึ้นหรือลงของราคา ผมจะสังเกตุว่าถ้าราคาหุ้นในขณะนั้นขยับเข้าใกล้เส้น UPPER BAND ผมจะมองว่า หุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มที่จะมีการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าผมคิดจะซื้อ ก็จะรีบซื้อ ณ จุดนั้นทันที 

                ในทางกลับกัน ถ้าราคาหุ้นในขณะนั้นลงมาใกล้เส้น LOWER BAND ผมจะมองว่าหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มที่จะระเบิดลงอย่างรุนแรง ถ้าผมมีผมอาจจะถือโอกาศนี้ขายหุ้นออกไปโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะได้ราคาที่ต่ำลง ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง หรือ พาลจะขาดทุนเสียด้วย โดยปกติไม่ว่าราคาหุ้นจะระเบิดขึ้นหรือลง ส่วนใหญ่จะวิ่งไปแตะเส้น  UPPER BAND ในกระณีหุ้นขึ้น และ เส้น LOWER BAND ในกรณีหุ้นลง แล้วก็จะมีการกลับตัวของราคาหุ้น วิ่งเข้าสู่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายครั้งจากประสบการณ์ของผมที่ราคาหุ้นวิ่งทะลุเส้น UPPER BAND หรือ LOWER BAND ได้ในกรณีที่เกิดภาวะ OVERBOUGHT หรือ OVERSOLD ได้ตามลำดับ ซึ่งถ้าท่านเป็นคนช่างสังเกตุ อาจจะดูจากรูปแบบในอดีตของหุ้นตัวนั้นว่า ในช่วงที่ขึ้นหรือลง มีบ่อยครั้งแค่ไหนที่ทะลุเส้น UPPER BAND และ LOWER BAND  ตามลำดับ ถ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้งช่วงที่ขึ้นไปแตะเส้น UPER BAND ถ้าเป็นนักเก็งกำไรก็อาจจะขายไปสัก 1/3 หรือ 1/2  ของหุ้นที่มี แล้วรอดูไปอีกสัก 1-3 วัน แล้วค่อยพิจารณาขายส่วนที่เหลือ ในช่วงที่ราคาหุ้นเริ่มกลับตัวลง ในทางกลับกัน ถ้าราคาหุ้นลงไปแตะเส้น LOWER BAND ถ้าท่านคิดจะซื้อหุ้นตัวนี้ ก็อาจจะแหย่เข้าไปสัก 1/3 หรือ 1/2  แล้วรอดูไปอีกสัก 1-3 วัน แล้วค่อยพิจารณาซื้อเพิ่มเรื่อยๆ แบ่งเป็นการซื้อหลายๆครั้งก็ได้

               เนื้อที่หมดแล้ว เรามาดูว่าตัว INDICATOR ตัวต่อไปที่ผมใช้วิเคราะห์มีตัวไหนอีกในบทความน้ากันครับ

กิติชัย เตชะงามเลิศ


    9/9/61

อ่าน การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 1 ) ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/09/1.html
       การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 2 ) ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/09/2.html
       การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 3 ) ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/09/3.html
       การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนที่ 4 ) ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/09/4.html
       การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด ( ตอนจบ )  ได้ที่ http://kitichai1.blogspot.com/2018/09/blog-post_9.html

ถ้าท่านชอบบทความผม ท่านสามารถสมัครสมาชิกโดยกรอกอีเมลของท่าน ในช่องใต้ Follow by Email ทางด้านขวามือ เมื่อมีบทความใหม่ๆ ก็จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้ท่านทราบ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆกันนะครับ



ติดตามสาระดีๆทั้งไลฟ์สไตล์และการลงทุนได้ที่


      หรือ 1.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทุกวันพุธหน้า B6 ในคอลัมน์ "เขียนอย่างที่คิด"   
              2.วารสารเภตรา ของสมาคมศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และ จุลสารเตชะสาร ของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ทุกไตรมาส



          

ขายดาวน์ ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร Knights Bridge Prime Sathorn 5 ยูนิต DUPLEX ชั้นสูง ห้องมุมสุดสวย Fully Furnished ซื้อมาในรอบ VVIP เจ้าของขายเอง ราคาพิเศษ เดิน 8 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี



        5 Duplex ยูนิตที่จะขายดาวน์ ชั้น 31-38 ขนาด 37-58 ตรม. ทุกยูนิตเป็นห้องมุม วิวสุดยอด ได้โปร Fully Furnished ราคาเพียง 5.40-7.60 ล้านบาท(ราคา/ตรม. ประมาณ 130,000 -140,000)




CALL   : 081-8118229
LINE   : gid_kitichai
Wechat : gid_kitichai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น